ลำปาง - เจ้าของธุรกิจรีสอร์ตดังอำเภองาว หอบหลักฐานแจ้งความพนักงานแบงก์ อ้างถูกปลอมลายเซ็นเป็นหนี้ 13 ล้านบาท ขณะที่ ผอ.ลำปาง รอผลพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อกู้จริงแต่ลูกค้าอาจหลงลืมเพราะกู้หลายครั้ง
วานนี้ (5 เม.ย.) ที่ สภ.งาว อ.งาว จ.ลำปาง นางอัจจิมาเงิน หรือนางสมพร รอว์ลิ่งส์ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 159/1 หมู่ที่ 8 ต.หลวงใต้ อ.งาว จ.ลำปาง เจ้าของธุรกิจสมพรรีสอร์ท หอบเอกสารพร้อมทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์และให้ปากคำเพิ่มเติมต่อ ร.ต.อ.พิเซษฐ์ ปานคำ พนักงานสอบสวน สภ.งาว เพื่อให้ดำเนินคดีต่อพนักงานของธนาคารแห่งหนึ่งในอำเภองาว หลังพบว่ามีการปลอมลายเซ็นของตนนำไปใช้ในการขออนุมัติวงเงินหมุนเวียน 5 ล้านบาท โดยที่ตนเองไม่ทราบเรื่องและไม่เคยได้รับเงินจำนวนดังกล่าว และเพิ่งทราบหลังธนาคารมีใบแจ้งหนี้มาถึงตน แต่ยอดที่ตนกู้จริงมีเพียง 6 ล้านบาทเท่านั้น
นางอัจจิมาเงิน หรือนางสมพร เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 5-6 เดือนที่ผ่านมาตนเองได้รับใบแจ้งหนี้จากธนาคารแห่งหนึ่งในอำเภองาว ธนาคารที่ตนเองทำธุรกรรมอยู่เป็นประจำ เนื่องจากตนได้กู้เงินกับธนาคารแห่งนี้รวม 2 ครั้งๆ ละ 3 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 6 ล้านบาท โดยเริ่มกู้ครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2554 วงเงิน 3 ล้านบาท โดยมีการชำระเป็นงวด คือ 6 เดือนชำระ 100,000 บาท ซึ่งก็ได้ชำระมาจนเกือบจะหมดแล้ว ตนจึงได้ยื่นกู้ใหม่จำนวน 3 ล้านบาท เพื่อขอซื้อคอนโดมิเนียมที่กรุงเทพมหานคร เพื่อให้ลูกชายที่เรียนอยู่ที่กรุงเทพพักอาศัย และได้มีการมอบเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องให้กับพนักงานของธนาคารเพื่อไปดำเนินการให้ แต่หลังจากนั้่นธนาคารบอกว่าธนาคารไม่อนุมัติ ตนจึงใช้ที่ดินค้ำจำนองไว้ รวมยอดที่ตนเองกู้กับทางธนาคาร คือ 2 ยอดเท่านั้น
ทั้งนี้ ตนสงสัยในความไม่ชอบมาพากล คือ การนำเอกสารของลูกค้าไปใช้ทำธุรกรรม คือ เรื่องแรกตนทราบหลังจากที่พนักงานของธนาคารที่เคยมาติดต่อทำธุรกรรมทางการเงินกับตนที่บ้านและได้ลืมเอกสารไว้ เมื่อตนเปิดดูจึงทราบว่ามีบุคคลของธนาคารนำเอกสารของตนที่เคยมอบให้กับพนักงานเพื่อไปยื่นซื้อคอนโดก่อนหน้านั้นซึ่งธนาคารได้แจ้งว่าไม่อนุมัติแต่ธนาคารก็ไม่ได้ส่งเอกสารใดๆ คืนมา แต่เอกสารทั้งหมดกลับถูกนำไปทำสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด ในวงเงินกู้ 3 ล้านบาท ซึ่งเมื่อตรวจสอบเอกสารของโครงการแล้วพบว่า ธนาคารได้อนุมัติวงเงิน 3 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์ลงทุนซื้ออาคารชุด 1 ห้อง โดยเอกสารต่างๆไม่มีลายเซ็นของตนเลยแม้แต่ใบเดียวมีเพียงการใช้ตราปั้มว่าสำเนาถูกต้องเท่านั้น และในใบเสร็จรับเงินมีการปลอมชื่อและลายเซ็นของตนด้วย
เรื่องที่ 2 วงเงินกู้จำนวน 5 ล้านบาท ตนไม่เคยขอกู้เงินจำนวนนี้เลย แต่กลับมีการแจ้งยืดหนี้มาให้ตน เมื่อตรวจดูเอกสารการกู้ซึ่งมีบัญชีรวมทั้งหมดถึง 17 ใบ พบว่าลายเซ็นแตกต่างกัน บางฉบับนามสกุลผิด บางฉบับมีการลบ ขีด ฆ่า โดยไม่มีการเซ็นชื่อกำกับ แต่ก็สามารถกู้เงินได้ ในบางวันพบว่ามีการเซ็นถอนเงิน 3-4 ครั้ง ในยอดเงินหลักแสน
ล่าสุดนอกจากจะเข้าแจ้งความร้องทุกข์แล้ว ตนยังได้แจ้งเรื่องไปยังสำนักงานใหญ่ให้ทราบเรื่องและขอให้เข้ามาตรวจสอบแล้วด้วย ส่วนหนี้ที่ตนกู้มาจริงนั้นตนขอยืนยันว่ากู้เพียง 2 ครั้ง และพร้อมจะชำระในยอดหนี้รวมทั้งดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นอย่างยุติธรรมแต่ส่วนที่ตนไม่เคยกู้ก็จะต้องปฏิเสธและหาคนผิดมาลงโทษ
ขณะที่ผู้อำนวยการสำนักงานแบงก์ในจังหวัดลำปาง แจ้งว่า ได้สั่งการให้ผู้ช่วยฯ สอบถามข้อมูลไปยัง สำนักงานสาขาอำเภองาวแล้ว เบื้องต้นได้ตรวจสอบเอกสารที่มีอยู่และรายงานว่าเอกสารการกู้เงินถูกต้อง ส่วนลายเซ็นอาจจะไม่เหมือนบ้างในบางครั้งซึ่งก็ถือว่าปกติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อมีการแจ้งความดำเนินคดีแล้วก็ขอให้รอการพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน เพราะขณะนี้ทางธนาคารสาขาอำเภองาวได้มีการส่งเอกสารทั้งหมดให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจสอบลายนิ้วมือและอื่นๆ ไปแล้ว เบื้องต้นยังเชื่อว่าน่าจะมีการกู้เงินจริง เนื่องจากเดิมลูกค้ารายนี้ถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ของสาขา พนักงานบริการอำนวยความสะดวกให้ถึงที่ แต่หลังจากมีการกู้เงินแล้วก็มีการปล่อยสินเชื่อให้จำนวนมากและหลายครั้ง ลูกค้าอาจจะหลงลืมก็เป็นได้