“บิ๊กตู่” สั่ง ยธ.เมืองน้ำดำ รื้อคดีตำรวจจับสาวลูกหนึ่งขังคุกไกลถึงยะลา เชื่อเป็นแพะ

กาฬสินธุ์ - “บิ๊กตู่” สั่งยุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ รื้อคดีตำรวจยะลานำหมายศาลจับหญิงชาวบ้าน อ.เขาวง เข้าคุก กระทั่งแม่เหยื่อต้องอุ้มหลานไปร้องขอความเป็นธรรม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคาดตกเป็นเหยื่อแก๊งมิจฉาชีพปลอมบัตรประชาชนจนตกเป็นแพะเข้าคุก

วันนี้ (16 มี.ค. 61) นางวราภรณ์ เปล่งแสง ผู้อำนวยการคุมประพฤติ จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ มอบหมายให้นายสิทธิชัย ระหาญนอก นักวิชาการยุติธรรม และนายยศชนินทร์ กะตารัตน์ นิติกรประจำสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ ไปที่บ้านนางประไพนี อาทิกร อายุ 57 ปี บ้านเลขที่ 60/2 หมู่ 7 ต.สระพังทอง อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ เพื่อเข้าไปแสวงหาข้อเท็จจริง หลังจากเมื่อ 13 ธันวาคม 2560 นางประไพนี ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อครั้งเดินทางตรวจราชการที่ อ.เขาวง โดยขอให้รื้อฟื้นคดี หลังเกิดเหตุตำรวจยะลานำหมายศาลจับกุมตัว น.ส.วารีรัตน์ สำเร็จงาน อายุ 37 ปี ลูกสาว ไปต่อหน้าต่อตาไม่อธิบายเหตุผล เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา 06.00 น.

ทันทีที่เจ้าหน้าที่ยุติธรรมและสื่อมวลชนไปที่บ้านหลังดังกล่าว พบนางประไพนี มารดา น.ส.วารีรัตน์ กำลังนั่งทอผ้ารับจ้างอยู่บริเวณหน้าบ้านหลังเล็กๆ ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียวติดพื้นสภาพเก่า มี ด.ช.รัฐศาสตร์ ชูขวัญ หรือน้องมิวสิค อายุ 8 ขวบ หลานชายซึ่งเป็นบุตรชาย น.ส.วารีรัตน์ นั่งซึมเหม่ออยู่ข้างๆ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ยุติธรรมแสดงตัว สองยายหลานก็น้ำตาไหลออกมาด้วยความตื้นตันใจ หวังขอเป็นที่พึ่งยามทุกข์ยาก พร้อมวิงวอนให้รื้อฟื้นคดี

จากการสอบถามนางประไพนีกล่าวว่า ตั้งแต่ น.ส.วารีรัตน์ ลูกสาวถูกตำรวจยะลาจับตัวไป ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เพราะติดต่อไม่ได้ ทราบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาวง เพียงว่าอยู่ในเรือนจำ จ.ยะลา ไม่สามารถเดินทางไปเยี่ยมได้ เพราะครอบครัวตนมีฐานะยากจน อยู่กันตามประสาชาวบ้านชนบททั่วไป จู่ๆ ก็มีชายแปลกหน้า 6 คนมาแสดงตัวจับกุมลูกสาวไป ตนได้แต่ตกใจและช็อกไม่รู้จะทำยังไง จึงอุ้มหลานไปปรึกษาผู้ใหญ่บ้าน และร้องศูนย์ดำรงธรรม อ.เขาวง เมื่อคราวที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเดินทางมาตรวจราชการที่ อ.เขาวง เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2560 ดังกล่าว เพื่อให้ตรวจสอบรื้อคดี เพราะยืนยันในความบริสุทธิ์ของลูกสาว

ด้านเจ้าหน้าที่ยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการประเมินเบื้องต้น กรณี น.ส.วารีรัตน์ อาจจะตกเป็นแพะ ถูกดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง เหตุมิจฉาชีพปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนเปิดบัญชี ทั้งนี้จะได้รวบรวมข้อมูลส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาผู้กระทำผิดดำเนินคดีต่อไป