กาฬสินธุ์ - เห็นแล้วรันทด 3 ชีวิตยายกะหลานสาวตัวเล็กอีก 2 คนถูกฟ้องไล่ออกจากบ้าน ต้องขนของซุกหัวนอนศาลาประชาคมกลางหมู่บ้าน ขณะที่หัวหน้าครอบครัวถูกจำคุกที่เรือนจำ ด้านนายกเทศมนตรีตำบลโนนน้ำเกลี้ยงรุดช่วยเหลือเบื้องต้น เผยคำสั่งศาลทำเอาคนในครอบครัวสิ้นเนื้อประดาตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (12 มี.ค.) ว่าที่ ร้อยตรี ธีระพล โชคนำชัย นายอำเภอสหัสขันธ์ ลงพื้นที่ศาลาประชาคมบ้านโนนน้ำเกลี้ยง หมู่ที่ 8 ต.โนนน้ำเกลี้ยง อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ หลังได้รับแจ้งจาก ด.ต.ไพศาล มูลมาตร์ นายกเทศมนตรีโนนน้ำเกลี้ยง ว่ามีครอบครัวถูกศาลสั่งขับไล่ออกจากบ้านหลังแพ้คดีข้อพิพาทฟ้องมรดกที่ดิน ทำให้เจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นผู้นำครอบครัวต้องถูกจับเข้าไปในเรือนจำ ขณะที่อีก 3 ชีวิตเป็นหญิงชราและเด็กต้องอพยพมาอาศัยอยู่ที่ศาลาประชาคมหมู่บ้าน
โดย ว่าที่ ร้อยตรี ธีระพลได้นำเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเดินเข้าไปรับฟังปัญหาเพื่อหาทางช่วยเหลือ บรรเทาทุกข์และความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนในครั้งนี้ด้วย
ด.ต.ไพศาล มูลมาตร์ นายกเทศมนตรีตำบลโนนน้ำเกลี้ยง กล่าวว่า สำหรับผู้นำครอบครัวนี้คือ นายไสว นนทะพิทา อายุ 63 ปี ได้ถูกคุมขังในเรือนจำ จ.กาฬสินธุ์ ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 61 โดยเจ้าหน้าที่เทศบาลฯ ได้ขนย้ายสิ่งของออกมาเพื่อให้ทางโจทก์ซึ่งได้ซื้อที่ดินไปพึงพอใจ และทำเรื่องขอปล่อยตัวนายไสวออกมาจากเรือนจำเสียก่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ขนย้ายสิ่งของและนำตัวนางกองศรี นนทะพิทา อายุ 59 ปี และหลานสาววัย 8 และ 10 ขวบ มาพักอาศัยที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านเป็นการชั่วคราว
นายไพศาลบอกว่า เป็นความเดือดร้อนของคนในหมู่บ้าน ในฐานะผู้บริหารเทศบาลฯ ที่อยู่ใกล้ชิดประชาชนจึงได้เข้ามาช่วยเหลือดูแลเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเป็นการเบื้องต้นไปก่อน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของข้อกฎหมายหรือคดีความต่างๆ คงจะต้องประสานให้ศูนย์ดำรงธรรม อ.สหัสขันธ์ นำผู้เดือดร้อนไปขอความช่วยเหลือตามขั้นตอนที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ สำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ และส่วนงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
สำหรับครอบครัวนี้ จากพื้นฐานเป็นครอบครัวเกษตรกรพอมีรายได้พออยู่พอกิน ก็กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวไปเพราะไม่มีบ้านอาศัย แม้ว่าเงินที่ได้จากส่วนแบ่งการขายประมาณ 700,000 บาทก็ไม่สามารถนำมาใช้ได้เพราะต้องเก็บไว้ซื้อที่ดินซึ่งเป็นบ้านของตนคืนตามสัญญาที่ได้ทำไว้ก่อนการซื้อขาย
“แต่เมื่อนายทุนที่ซื้อที่ไปเปลี่ยนใจไม่ยอมขายที่บ้านให้ ได้สร้างความเศร้าเสียใจให้ครอบครัวนี้เป็นอย่างมาก เพราะอยู่อาศัยมานานกว่า 30 ปีแล้ว เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจมาก” นายไพศาลกล่าว
ด้าน ว่าที่ ร้อยตรี ธีระพล โชคนำชัย นายอำเภอสหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังทราบเรื่องได้เข้ามาเยี่ยมครอบครัวผู้เดือดร้อนในทันที โดยทางศูนย์ดำรงธรรมอำเภอจะช่วยดูแลเรื่องคดีว่ามีแนวทางอื่นใดช่วยเหลือได้หรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบครอบครัวนี้ถูกทิ้งคดีจนไม่มีการอุทธรณ์ และถูกทนายทิ้งคดีไปหลายคน ทำให้การต่อสู้ทางกฎหมายไม่ถึงที่สุด และมีคำสั่งศาลออกมาเช่นนี้
แนวทางการช่วยเหลือคงต้องไปปรึกษาหารือกับทางยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ว่าจะมีช่องทางรื้อคดีได้หรือไม่อย่างไร เพราะอย่างน้อยครอบครัวนี้ก็ยังมีกำลังที่จะซื้อที่บ้านคืนจากนายทุนตามสัญญาที่ทำไว้ก่อนการซื้อขายในราคาประมาณ 700,000 กว่าบาท
นายอำเภอสหัสขันธ์บอกอีกว่า สำหรับการช่วยเหลือเฉพาะหน้า ได้ติดต่อไปยังศูนย์พักพิงคนไร้ที่พึ่ง นิคมสร้างตนเองลำปาว เพื่อให้ครอบครัวนี้เข้าไปอยู่อาศัยในระยะสั้น ส่วนระยะยาวต้องหารือกับชุมชน เทศบาลฯ และครอบครัวอีกครั้ง ทั้งนี้ ทางอำเภอได้นำถุงยังชีพมอบให้เป็นการบรรเทาความเดือดร้อน และปลอบขวัญ โดยเฉพาะหลานที่เป็นเด็กหญิงวัย 8 ขวบ และ 10 ขวบ น่าเป็นห่วงมาก ส่วนยายก็อายุมากพอสมควร
“เป็นผู้หญิง 3 คนอยู่ด้วยกันลำพังจึงต้องให้อยู่ในสถานที่ปลอดภัย ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเข้าไปเยียวยาคนในครอบครัว โดยเฉพาะสภาพจิตใจเพราะเกรงว่าจะเกิดปัญหาคนในครอบครัวเป็นโรคซึมเศร้า และทำร้ายตนเอง” นายอำเภอสหัสขันธ์กล่าว