MGR Online - กองปราบตามรวบสองผัวเมียลักลอบโอนเงินจากบัญชีธนาคารเหยื่อ1.5 ล้านบาท ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ตลอดข้อกล่าวหา พบประวัติมีคดีฉ้อโกงติดตัว ขณะประกอบอาชีพขายสินค้าออนไลน์ อีกด้วย
วันนี้ (16 มี.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.30 น. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรนาม รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง สว.กก.1 บก.ป. แถลงผลการจับกุม น.ส.วีรยา คำพันธุ์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87/1 หมู่ที่ 6 ต.คลองใหม่ อ.สามพราน จ.นครปฐม ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2841/2560 ลงวันที่ 25 ธ.ค. 60 และ นายศุภวิชญ์ ชัยนนทิวรรธน์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 ซ.กำนันแม้น 13 แยก 29 แขวงและเขตบางบอน กทม. ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 459/2561 ลงวันที่ 15 มี.ค. 2561 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนและนำเข้าสู่ระบบอันเป็นเท็จซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” พร้อมของกลาง เงินสด จำนวน 400,000 บาท ทองรูปพรรณหนัก 55 บาท โทรศัพท์มือถือ 18 เครื่อง บัตรเอทีเอ็ม 10 ใบ และสมุดบัญชีธนาคารต่างๆ อีก10 เล่ม โดยจับกุมได้บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 94/10 ม.8 ต.มาบแค อ.เมือง จ.นครปฐม
พล.ต.ต.ไมตรี กล่าวว่า สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย ว่า ถูกคนร้ายลักลอบโอนเงินจากบัญชีธนาคารของตนเองไปจำนวน 1.5 ล้านบาท โดยไม่ทราบว่าคนร้ายใช้วิธีใดหลังจากรับแจ้งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ป. ลงตรวจสอบติดตามหาตัวคนร้าย จนกระทั่งทราบว่าคนร้ายคือผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ซึ่งเป็นสามีภรรยา ใช้วิธีการหาเหยื่อโดยการสุ่มหาเลขที่บัญชีธนาคารทางอินเทอร์เน็ต เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยขายสินค้าทางออนไลน์ เมื่อได้เลขบัญชีหรือชื่อผู้ใช้บริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ต แล้วนำมาสุ่มรหัสผ่าน โดยผู้เสียหายรายนี้ได้ตั้งรหัสผ่านที่ง่ายต่อการคาดเดา จึงทำให้คนร้ายสามารถเข้าไปทำธุรกรรมทางการเงินได้ ก่อนที่จะทำการโอนเงินในบัญชีไปจำนวนดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับและติดตามแกะรอยจนสามารถจับกุมได้ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม อยากจะฝากเตือนประชาชนว่าหากท่านใดใช้บริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ตขอให้ตั้งรหัสผ่านให้ยากต่อการคาดเดา เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้ ซึ่งคดีดังกล่าวถือว่าเป็นอาชญากรรมแบบใหม่ โดยทางธนาคารยอมรับว่าเพิ่งเคยเจอครั้งนี้เป็นครั้งแรก
ด้าน พ.ต.ท.ภาณุมาศ กล่าวว่า สำหรับการโอนเงินแต่ล่ะครั้งคนร้ายใช้วิธีการโอนเงินครั้งละ 500 บาท เนื่องจากเป็นจำนวนเงินที่ไม่ต้องใช้รหัสจากทางธนาคาร (OTP)ที่จะต้องส่งผ่านข้อความทางโทรศัพท์ของเจ้าของบัญชีตรวจตัวจริง อย่างไรก็ตาม ในส่วนข้อบกพร่องดังกล่าวทางธนาคารได้มีการแก้ไขแล้ว ส่วนเงินที่ได้มานั้นคนร้ายจะนำไปซื้อทองคำแทนที่จะเก็บเงินสด อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนขณะนี้พบว่าคนร้ายก่อเหตุเพียง 2 คน นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหายังพบว่า น.ส.วีรยา คำพันธุ์ หนึ่งในผู้ต้องหายังมีคดีฉ้อโกงติดตัวซึ่งไปก่อเหตุในขณะที่ยังประกอบอาชีพขายสินค้าออนไลน์ อีกด้วย
จากการสอบสวนผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธ ตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.ดำเนินคดีต่อไปวันเดียวกัน น.ส.ชลธิชา ผลอินทร์ อายุ 27 ปี แม่ค้าชาวจ.ชลบุรี เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.สุชาติ อิ่มสวัสดิ์ สว. (สอบสวน) กก.2 บก.ป. ว่า ถูกคนร้ายแอบโอนเงินผ่านทางบัญชีบนอินเทอร์เน็ตไปกว่า 8 แสนบาท โดยนำเอกสารหลักฐานเป็นสมุดบัญชี ใบแจ้งความ มามอบให้พนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณาคดี
น.ส.ชลธิชา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 60 ถูกคนร้ายเข้ารหัสบัญชีธนาคารในอินเทอร์เน็ตของตนเอง ก่อนที่จะโอนเงินออกไปกว่า 8 แสนบาท พร้อมทั้งยังทำการอายัดบัญชีธนาคารของตนเองอีกด้วย หลังจากทราบเรื่องได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้มีการสอบปากคำในเบื้องต้น แต่จนขณะนี้เป็นเวลากว่า 6 เดือน ยังไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งทางธนาคารก็ไม่ได้รับผิดชอบในส่วนจำนวนเงินที่ถูกคนร้ายโอนเงินไป อย่างไรก็ตามหลังจากที่ตนแจ้งอายัดบัญชีธนาคาร ปรากฏว่า มีโทรศัพท์ลึกลับติดต่อมาข่มขู่ว่าให้ยุติการดำเนินคดีดังกล่าว ซึ่งตนก็ได้นำข้อมูลดังกล่าวไปมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แสนสุข และมาร้องขอความเป็นธรรมกับทางกองปราบปรามแล้ว
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำผู้เสียหายพร้อมรวบรวมเอกสารที่ผู้เสียหายนำมาให้ ก่อนที่จะส่งให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป