กาฬสินธุ์ - สตง.กาฬสินธุ์ ป.ป.ท.และกอ.รมน.กาฬสินธุ์ ลุยสอบโครงการ 9101 ชุมชนบัวบาน 1 และกลุ่มชุมชนบัวบาน 2 หลังพบเสนอซื้อพันธุ์ข้าวเปลือก ปุ๋ย ปลาดุก และหัวอาหารแพง ขณะที่ชาวบ้านปูดเอง พบพันธุ์ปลาดุกเล็กจิ๋ว-หัวอาหารแพง ด้านผู้ประกอบการร้านสินค้าเกษตรโร่แจ้งความ อ้างไม่มีส่วนเกี่ยวข้องซื้อ-ขายปัจจัยการผลิตแพง
หลังพบความผิดปกติ โครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อฟื้นฟูอาชีพด้านการเกษตรแก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลด ของกลุ่มชุมชนบัวบาน 1 และกลุ่มชุมชนบัวบาน 2 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ที่เสนอซื้อพันธุ์ข้าวเปลือกนาปรังราคากระสอบละ 700 บาท พันธุ์ปลาดุกตัวละ 3 บาท หัวอาหารปลาดุกราคากระสอบละ 550-600 บาท และปุ๋ยชีวภาพกระสอบละ 550 บาท ซึ่งแพงเกินความเป็นจริงและราคาสูงกว่าท้องตลาด
ต่อมาคณะกรรมการชุมชนอ้างว่าเป็นเพียงการเสนอราคาซื้อเท่านั้น โดยราคาที่จะซื้อจริงคือพันธุ์ข้าวเปลือกนาปรัง กระสอบละ 560 บาท ปุ๋ยชีวภาพกระสอบละ 440 บาท พันธุ์ปลาดุกตัวละ 2.50 บาท และหัวอาหารปลาดุกกระสอบละ 500-600 บาท แต่ชาวบ้านยังเชื่อว่าราคายังสูงและแพงกว่าท้องตลาด
ล่าสุดวันนี้ (10 ธ.ค.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน จ.กาฬสินธุ์ หรือ สตง.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย ป.ป.ท. และกอ.รมน.กาฬสินธุ์ ได้เข้าตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว พร้อมกับให้ทางอำเภอยางตลาด และเกษตรอำเภอยางตลาด เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเหตุใดจึงกำหนดราคาซื้อปัจจัยการผลิตสูง พร้อมทั้งเข้าตรวจสอบเอกสารสัญญาของผู้ประกอบการที่นำพันธุ์ข้าวเปลือก ปลาดุก ปุ๋ย และหัวอาหารมาขายให้กับชาวบ้าน และให้รายงานผลการตรวจสอบโดยเร็วที่สุด เพื่อให้การใช้งบประมาณแผ่นดินเกิดประโยชน์สูงสุด หากพบการเอื้อผลประโยชน์กับนายทุนผู้ประกอบการ และพบการทุจริตจะถูกดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที
มีรายงานว่า ตัวแทนบริษัทเอกชนซึ่งจำหน่ายสินค้าการเกษตรรายใหญ่ใน จ.กาฬสินธุ์ ได้เข้าลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2560 โดยระบุว่า ได้ทำข้อตกลงเพื่อจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวชนิดต่างๆ กับร้านจำหน่ายสินค้าเกษตรแห่งหนึ่งที่นำไปขายให้แก่ชุมชน และส่งมอบพันธุ์ข้าวตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 ถึงวันที่ 6 ธันวาคม 2560 ซึ่งบริษัทฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับการนำสินค้าดังกล่าวไปจำหน่ายต่อยังบุคคลที่ 3 และบริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อข้อตกลงเรื่องราคาหรือการรับประกันร้านจำหน่ายสินค้าและบุคคลที่ 3 จึงเข้ามาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
ล่าสุดชาวบ้านยังพบความผิดปกติ การดำเนินงานโครงการดังกล่าวในพื้นที่ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งมีทั้งหมด 18 ชุมชน 39 โครงการ รวมเป็นเงิน 23,075,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการเลี้ยงปลาดุกมากถึง 18 โครงการ รองลงมาคือการปลูกพืชระยะสั้น 11 โครงการ โดยชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมเกิดความสงสัย ตั้งข้อสังเกตว่าราคาสูงกว่าความเป็นจริง แพงกว่าราคาท้องตลาดหรือไม่
โดยเฉพาะราคาพันธุ์ปลาดุก ที่ผู้ประกอบการที่รับงานจากคณะกรรมการของชุมชนต่างๆ นำมาส่งมอบให้ชาวบ้านราคาตัวละ 2 บาทนั้น ทำไมขนาดตัวปลาค่อนข้างเล็กเพียง 5-7 เซนติเมตรเท่านั้น เป็นปลาเล็กจิ๋วมาก ทั้งๆพื้นที่อื่นจัดส่งพันธุ์ปลาดุกราคาตัวละ 2 บาทเท่ากัน แต่กลับได้ขนาดปลาดุกใหญ่ถึง 7-10 เซนติเมตร บางพื้นที่ได้ปลาตัวใหญ่ถึง 10-13 เซนติเมตร ไม่เหมาะสมกับชื่อพันธุ์ปลาดุกบิ๊กอุย
นอกจากนี้ยังมีเรื่องราคาหัวอาหารปลาดุกที่จัดซื้อแพงถึงกระสอบละ 550-600 บาท แพงกว่าท้องตลาดอย่างมาก ทั้งๆที่แต่ละชุมชนซื้อจำนวนมาก ต้องได้ราคาถูกและส่วนลดมากกว่า ชาวบ้านเกรงว่าอาจจะกลายเป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้กับนายทุนมากกว่าประโยชน์ของชาวบ้าน
เรื่องดังกล่าวทำให้ชาวบ้านเรียกร้องให้ สำนักงานเกษตร จ.กาฬสินธุ์ สตง. ป.ป.ท. และ กอ.รมน.กาฬสินธุ์เร่งตรวจสอบการซื้อปัจจัยการผลิตต่างๆ ทั้งพันธุ์ปลาดุก หัวอาหาร และปุ๋ย ที่สูงกว่าท้องตลาด โดยเฉพาะพื้นที่ อ.กุฉินารายณ์ อ.ห้วยผึ้ง อ.นาคู อ.เขาวง และอ.สมเด็จ เพราะนอกจากจะซื้อแพงแล้ว ยังมีผู้ประกอบการเพียงรายเดียวที่เป็นผู้นำส่งปัจจัยการผลิตทั้งหมดครอบคลุมทั้งอำเภอ ไม่มีการแข่งขันราคา เพื่อให้ชาวบ้านได้ประโยชน์ ทั้งยังพบว่าหลายพื้นที่มีผู้นำชุมชนนำเครือญาติเข้ามาเป็นผู้รับเหมาส่งของทั้งหมด มีเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงเกษตรฯ นำผู้ประกอบการเข้ามาจัดส่งปลา หัวอาหารและปุ๋ยเองอีกด้วย