ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - 6 องค์กรชาวพุทธเชียงใหม่ พร้อมทนายความเตรียมบุกกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แจ้งความดำเนินคดีหมิ่นประมาทต่อผู้ร้องเรียนให้ตรวจสอบกรณี “เจ้าอาวาสวัดสวนดอก” สวมบัตรประชาชนคนตาย อ้างมีการออกสื่อพาดพิงให้คณะสงฆ์เชียงใหม่เสื่อมเสีย ขณะที่พระผู้ใหญ่ระบุ “พระราชรัชมุนี” ควรได้รับสัญชาติไทยนานแล้วแต่ตกสำรวจ เพราะมัวมุ่งมั่นกับการเรียนเมื่อครั้งเป็นสามเณร ย้ำให้มองแต่คุณงามความดี อย่าไปมุ่งโจมตีแต่เรื่องเสียหาย
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ในวันพรุ่งนี้ (18 ต.ค. 60) เวลา 10.00 น. ตัวแทน 6 องค์กรพุทธศาสนาในจังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วย พุทธสมาคมจังหวัดเชียงใหม่,ยุวพุทธิกสมาคมจังหวัด,กลุ่มหนุ่มสาวจังหวัด,สมาคมศิษย์เก่า มจร.วิทยาเขตเชียงใหม่,สมาคมสหธรรมเชียงใหม่ และสมาพันธ์ชาวพุทธจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยทนายความจะเดินทางไปที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ เพื่อยื่นหนังสือและแจ้งความให้ดำเนินคดีต่อนายกิตติศักดิ์ แสนทวีสุข ผู้ที่ร้องเรียนให้ตรวจสอบพระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก และเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ โดยกล่าวหาว่าสวมบัตรประจำตัวประชาชนคนตาย ข้อหาหมิ่นประมาท รวมทั้งอาจจะฟ้องสื่อที่มีการนำเสนอข่าวกรณีดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของ 6 องค์กรพุทธศาสนาในจังหวัดเชียงใหม่นั้น สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 60 ตัวแทนพระสงฆ์ร่วมกับตัวแทน 6 องค์กรพุทธศาสนาในจังหวัดเชียงใหม่ ได้ประชุมหารือร่วมกันที่ศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ วัดพันอ้น อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ กรณีที่นายกิตติศักดิ์ ร้องเรียน และได้ไปออกรายการโทรทัศน์ หลายคนเชื่อว่าเป็นการให้ข้อมูลพาดพิงที่ไม่เป็นจริง จนทำให้คณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่รับความเสียหายส่งผลกระทบต่อความศรัทธาและความเคารพในพระสงฆ์ จึงมีข้อสรุปร่วมกันที่จะออกมาใช้สิทธิทางกฎหมาย
ขณะที่วันนี้ (17 ต.ค.) ที่วัดพันอ้น อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบพระครูอมรธรรมทัต เจ้าอาวาสวัดพันอ้น และเลขานุการศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนา จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดการประชุมหารือดังกล่าวและกรณีที่ตัวแทน 6 องค์กรพุทธศาสนาในจังหวัดเชียงใหม่ จะเดินทางแจ้งความที่ตำรวจภูธรภาค 5 ให้ดำเนินคดีต่อนายกิตติศักดิ์
อย่างไรก็ตาม พระครูอมรธรรมทัตปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดข้อมูลใดๆ โดยบอกแต่เพียงว่า ตามมติที่ประชุมได้สรุปร่วมกันแล้วว่าจะให้ทนายความเป็นผู้ให้ข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดแต่ผู้เดียว ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (18 ต.ค.) จะทราบรายละเอียดทั้งหมด และบอกว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการปกป้องคณะสงฆ์ ไม่ใช่การปกป้องเจ้าอาวาสวัดสวนดอก แต่อย่างใด
นอกจากนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า จากการพูดคุยกับพระผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า พระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก และเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ที่ถูกกล่าวหาว่าสวมบัตรประจำตัวประชาชนคนตายนั้น มีเชื้อสายไทยใหญ่ อยู่อาศัยในประเทศไทยมาตั้งแต่เป็นเด็กและควรจะได้รับสัญชาติไทยไปนานแล้ว เพราะคนในหมู่บ้านเดียวกันได้รับสัญชาติไทยกันหมด แต่พระราชรัชมุนีตกสำรวจเนื่องจากมัวมุ่งมั่นกับการศึกษาเล่าเรียน เมื่อครั้งเป็นสามเณร
นอกจากนี้ อยากให้มองคุณงามความดีที่พระราชรัชมุนีได้สร้างไว้ให้กับพระพุทธศาสนา มากกว่าจะไปโจมตีในเรื่องเสียหาย และควรตระหนักว่าพระราชรัชมุนีอาจจะทำความดีมากกว่าที่คนไทยแท้ๆ ทำเสียอีก
สำหรับการที่พระราชรัชมุนีเป็นเจ้าอาวาส แต่ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่วัด และล่าสุดไม่ทราบว่าอยู่ที่ใดนั้น พระผู้ใหญ่ท่านเดียวกันนี้บอกว่า ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายใดๆ เพราะเท่าที่ทราบมีการมอบหมายความรับผิดชอบให้พระรูปอื่นในวัดดูแลแทนแล้ว พร้อมย้ำว่าอย่าเพิ่งตัดสินความผิดกรณีสวมบัตรประชาชนคนตายของพระราชรัชมุนี จนกว่ากระบวนการทางกฎหมายจะสิ้นสุด