xs
xsm
sm
md
lg

7 องค์กรพุทธเชียงใหม่ยื่น ตร.ภาค 5 ดำเนินคดีคนร้องเจ้าอาวาสวัดสวนดอกสวมบัตรคนตาย “หมิ่นคณะสงฆ์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - 7 องค์กรชาวพุทธเชียงใหม่ พร้อมทนายความบุกกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ยื่นหนังสือให้ตรวจสอบและพิจารณาดำเนินคดีต่อผู้ร้องเรียนให้ตรวจสอบกรณี “เจ้าอาวาสวัดสวนดอก” สวมบัตรประชาชนคนตาย อ้างมีการออกสื่อพาดพิงให้คณะสงฆ์เชียงใหม่เสื่อมเสีย ขณะที่รองผู้บัญชาการภาค 5 เผยคืบหน้าคดีเจ้าอาวาสสวมบัตรประชาชนอยู่ระหว่างการเร่งสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง พร้อมคาดเจ้าตัวไม่อยู่ในพื้นที่แล้ว



วันนี้ (18 ต.ค. 60) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ตัวแทนเครือข่ายชาวพุทธจังหวัดเชียงใหม่ 7 องค์กร ประกอบด้วย ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่, พุทธสมาคมจังหวัดเชียงใหม่, ยุวพุทธิสมาคมจังหวัดเชียงใหม่, กลุ่มหนุ่มสาวจังหวัดเชียงใหม่, สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,สมาคมสหธรรม และสมาพันธ์ชาวพุทธจังหวัดเชียงใหม่ นำโดย นางพรรณี บุญประเสริฐ นายกพุทธสมาคมจังหวัดเชียงใหม่ และทนายความ เข้ายื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อให้ตรวจสอบและพิจารณาดำเนินคดีต่อ นายกิตติศักดิ์ แสนทวีสุข ผู้ที่ร้องเรียนให้ตรวจสอบพระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก และเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ โดยกล่าวหาว่าสวมบัตรประจำตัวประชาชนคนตาย ซึ่งได้ไปออกรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่งแล้วมีการกล่าวพาดพิงถึงคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้เครือข่ายชาวพุทธจังหวัดเชียงใหม่รู้สึกว่ามีเจตนาดูหมิ่นและเหยียดหยามคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี พลตำรวจตรี ชูรัตน์ ปานเหง้า รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 รับหนังสือดังกล่าว

ทั้งนี้ นายชัยกร ปรีชาหาญ ทนายความ เปิดเผยว่า การเข้ายื่นหนังสือพร้อมหลักฐานของเครือข่ายชาวพุทธจังหวัดเชียงใหม่ 7 องค์กรในครั้งนี้ เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบและพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อนายกิตติศักดิ์ แสนทวีสุข จากการที่ไปร่วมรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่งแล้วมีการกล่าวพาดพิงถึงคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ โดยกล่าวอ้างว่าวงการสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่เลอะเทอะเปรอะเปื้อน ซึ่งเป็นการส่อเจตนาดูหมิ่นให้คนเข้าใจว่าพระภิกษุสามเณรทั้งจังหวัดเชียงใหม่ไม่มีศีลธรรม และละเมิดพระธรรมวินัย รวมทั้งอาจส่งผลกระทบต่อความศรัทธาและความเคารพในพระสงฆ์ โดยขอให้เจ้าหน้าที่พิจารณาว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.สงฆ์ และหมิ่นประมาท หรือไม่ พร้อมดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ขณะเดียวกัน นายชัยกรยืนยันว่า การดำเนินการครั้งนี้ของเครือข่ายชาวพุทธจังหวัดเชียงใหม่ 7 องค์กร ไม่เกี่ยวข้องกับการออกมาปกป้องพระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก และเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ ที่ถูกกล่าวหาว่าสวมบัตรประชาชนคนตายแต่อย่างใด เพราะกรณีของพระราชรัชมุนีที่ถูกกล่าวหาดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องการกระทำส่วนตัวที่จะต้องว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมาย ไม่เกี่ยวข้องกับคณะสงฆ์ ขณะที่การดำเนินการครั้งนี้ต้องการออกมาปกป้องพระพุทธศาสนา รวมทั้งเกียรติและศักดิ์ศรีของคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจนไม่อยากให้มีการนำเรื่องศาสนามาสร้างความขัดแย้ง เพราะเกรงว่าจะเกิดปัญหาเหมือน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย

ขณะที่ พลตำรวจตรี ชูรัตน์ ปานเหง้า รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาและทำการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง แล้วพิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่ ซึ่งหากเข้าข่ายก็จะมีการดำเนินการตามกฎหมายต่อไปตามที่มีการร้องเรียน แต่หากพิจารณาแล้วไม่เข้าข่ายความผิดก็จะแจ้งผลให้ผู้ร้องทราบ ซึ่งผู้ร้องยังสามารถไปดำเนินการฟ้องร้องด้วยตัวเองได้

ส่วนความคืบหน้าคดีเจ้าอาวาสวัดสวนดอกสวมบัตรประชาชนคนตายนั้น ขณะนี้ทางสถานีตำรวจภูธรแม่อายกำลังดำเนินการสืบสวนสอบสวน โดยอยู่ระหว่างรอข้อมูลหลักฐานจากทางจังหวัดชัยภูมิที่เป็นภูมิลำเนาของผู้ตายที่ถูกสวมหมายเลขบัตรประชาชน เพื่อออกหมายเรียกให้พระราชรัชมุนีมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป อย่างไรก็ตาม คาดว่าเวลานี้พระราชรัชมุนีไม่น่าจะอยู่ในพื้นที่แล้ว นอกจากนี้จะมีการเชิญอดีตปลัดอำเภอแม่อาย ที่เป็นนายทะเบียน ซึ่งปัจจุบันย้ายไปอยู่ที่อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ มาสอบปากคำด้วย โดยยืนยันว่าคดีนี้จะมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด





กำลังโหลดความคิดเห็น