สึกพระธัมมชโยไม่ใช่เรื่องง่าย ช่องทางถ่วงเวลาเพียบ แค่หาตัวเจ้าอาวาสรูปใหม่ด้วยเงื่อนไขไม่ใช่พระวัดพระธรรมกายก็ถ่วงได้นาน แถมต้องมีกระบวนการสอบ-ไต่สวนอีก ด้าน ดร.บรรจบ ออกโรงแจงสึกธัมมชโยกลางอากาศทำไม่ได้ ส่วนทีมพระสนิทวงศ์ใช้ช่วงเวลานี้ เติมพระ-เณร-ลูกศิษย์ หวังใช้กดดันเจ้าอาวาสคนนอก
การดำเนินการกับพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่เดิมใช้หลักทางโลกเรื่องคดีความร่วมกันยักยอกทรัพย์และรับของโจร จากกรณีทุจริตในสหกรณ์เครดิตยูเนีjยนคลองจั่น ที่ใช้มาตรา 44 ปิดล้อมวัดตั้งแต่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นเวลา 23 วันแต่ไม่สามารถนำตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีได้
จากนั้นได้เปลี่ยนแนวทางมาใช้การดำเนินการทางสงฆ์ผ่านที่ประชุมมหาเถรสมาคม เมื่อ 10 มีนาคม 2560 โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ส่งเรื่องของพระธัมมชโยให้กับเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ตามกฎนิคหกรรมของมหาเถรสมาคมฉบับที่ 21 และเรื่องดังกล่าวส่งต่อไปยังเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีเพื่อดำเนินการพิจารณา
ทั้งนี้ตามขั้นตอนเจ้าคณะจังหวัดต้องส่งเรื่องให้เจ้าคณะอำเภอพิจารณาให้สละสมณเพศ แจ้งให้เจ้าอาวาสเพื่อแจ้งต่อไปยังภิกษุรูปดังกล่าว ในวัดพระธรรมกายมีเพียงรักษาการเจ้าอาวาสคือพระวิเทศภาวนาจารย์ แต่ก็มีคดีความหลายคดี ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจึงส่งเรื่องให้ทางเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีร่วมกับเจ้าคณะอำเภอและเจ้าคณะตำบลร่วมกันแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
แต่ยังคงมีข้อเสนอว่าควรแต่งตั้งพระจากวัดอื่นมาเป็นเจ้าอาวาส เนื่องจากพระที่ถูกร้องเรียนนั้นเป็นพระผู้ใหญ่ เพื่อให้การสอบข้อร้องเรียนเป็นไปโดยยุติธรรม
ถ่วงเวลาอีกนาน
แหล่งข่าวจากวงการพุทธศาสนากล่าวว่า กรณีของพระธัมมชโยนั้น เมื่อเรื่องที่สำนักพุทธส่งไปถึงเจ้าคณะจังหวัดแล้ว ตอนนี้ติดในขั้นตอนของเจ้าอาวาส เนื่องจากวัดพระธรรมกายไม่มีเจ้าอาวาส ซึ่งต้องให้เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบลร่วมกันแต่งตั้งเจ้าอาวาสให้ได้ก่อน ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลา ส่วนจะนานแค่ไหนขึ้นกับทางเจ้าคณะจังหวัด
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือจะเชิญพระรูปใดมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดนี้ พระที่เป็นคนกลางจะมีท่านใดกล้าเข้ามารับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาส และจะกล้าจำวัดอยู่ภายในวัดพระธรรมกายหรือไม่ เห็นได้จากที่ผ่านมามีรายชื่อของพระไพศาล วิสาโล แต่ท่านก็ปฏิเสธ หรือหากจะใช้พระในวัดพระธรรมกายขึ้นมาเป็นเจ้าอาวาสแล้วต้องมาดำเนินการกับพระธัมมชโยที่ถือว่าเป็นอาจารย์ของพวกเขาทั้งหมดนั้น ผลในการตรวจสอบจะออกมาเข้าข้างกันหรือไม่
ประการต่อมาในกระบวนการทางสงฆ์แล้วจะต้องมีการสอบความผิดของพระธัมมชโย ข้อเสนอให้สึกของสำนักพุทธต้องไต่สวนหาความผิดในด้านพระธรรมวินัยกันก่อน
“การดึงเรื่องเพื่อหาตัวเจ้าอาวาสรูปใหม่ให้นานออกไปก็เป็นแนวทางหนึ่ง การไต่สวนความผิดในทางสงฆ์ก็เป็นอีกทางหนึ่งเช่นกัน ขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์”
กลับไป-กลับมา
อย่างไรก็ตาม ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ประธานสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งเอเชีย ที่เคยแนะนำให้วัดพระธรรมกายทบทวนเรื่องคำสอนที่ผิดไปจากพุทธศาสนา ได้กลับมาแสดงความเห็นในเรื่องการสึกพระธัมมชโยผ่านทางเฟซบุ๊กเมื่อ 19 มีนาคม 2560 ว่า “การสึกของพระ ใครทำให้ไม่ได้ นอกจากเจ้าตัวทำเอง หากจะทำกลางอากาศต้องเดินตามขั้นตอนพระวินัย ไม่เช่นนั้นคณะสงฆ์ไม่มีหลักและที่พึ่งแน่”
พร้อมทั้งอธิบายถึงการสึกของพระมี 2 วิธี วิธีแรกคือสึกโดยอัตโนมัติ เกิดขึ้นในขณะที่พระรูปใดรูปหนึ่งมีเจตนาทำผิดพระวินัยร้ายแรงถึงขั้นปาราชิก อย่างนี้พอทำสำเร็จก็ขาดจากความเป็นพระทันทีเพราะผิดปณิธานผิดปฏิญญาที่จะถือเพศพรหมจรรย์คือเป็นพระโดยงดเว้นจากทำพฤติกรรมที่พระทำไม่ได้ เช่น การมีเพศสัมพันธ์ การฆ่าคน
วิธีที่ 2 สึกโดยการเปล่งวาจาให้ทราบ เป็นการบอกให้ทราบว่าตนเองเข้มแข็งไม่พอที่จะดำเนินวิถีชีวิตพระต่อไปได้ การสึกแบบนี้ทำได้ในกรณีที่พระรูปที่ต้องการสึกบอกให้คนอื่นทราบว่าตนขอลาสิกขา ลาพระรัตนตรัย แล้วผู้ที่ตนบอกนั้นจะกี่คนหรือคนเดียวก็ได้ ทว่าเข้าใจความหมายได้ ก็ถือว่า สึกได้สำเร็จทันทีเช่นกัน
มีการสึกอีกแบบหนึ่งคือ ไล่ให้สึก เรียกว่า “นาสนะ - การทำให้เสีย” หมายถึง ไล่ให้พ้นไปจากความเป็นพระหรือสึก ในกรณีนี้ยุ่งยากมาก ทำได้ ต้องอาศัยสงฆ์คือทำเป็นคณะ เริ่มต้นต้องตั้งคณะพระวินัยธรดำเนินการสอบสวนตามพระธรรมวินัยให้ได้ความผิดชัดเจน ซึ่งต้องไม่พลาด เพราะถ้าผิดพลาดขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง เช่น ได้คณะพระวินัยธรที่ไม่แตกฉานพระวินัยวินิจฉัยผิดหรือมีอคติก็จะเกิดผลเสียกันไปใหญ่ จึงต้องระวัง ดีไม่ดียิ่งแตกแยกหนัก ในกรณีที่ผู้ที่ถูกนาสนะมีผู้เคารพนับถือมาก
ดังนั้น การประกาศให้สึกกลางอากาศจึงทำตามแรงเชียร์หรือการบังคับของใครไม่ได้ ต้องดำเนินการสอบสวนหาความถูกผิดตามขั้นตอนของพระวินัยก่อน ดีนะที่คณะสงฆ์ไทยไม่หลงทางตามคำขอเสนอชี้แนะ ไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาอีกยาว และคณะสงฆ์ก็จะไม่มีที่พึ่ง เพราะทำลายที่พึ่งคือพระวินัยเสียเอง
อีกทั้งยังได้แสดงความเห็นเรื่องอันตราย! พระธรรมวินัยคือเกราะกำบัง หากคณะสงฆ์ไทยให้ความสำคัญน้อยกว่ากฎหมายอื่น มีแต่ตกต่ำสถานเดียว โดยได้ทิ้งท้ายไว้ว่าการมุ่งถือกฎหมายอื่นระเบียบอื่นเหนือกว่าพระธรรมวินัยจนการปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอ่อนแอจึงเปิดทางให้พระธรรมดาบางรูปร่วมกับพลพรรคที่มีอำนาจรัฐหนุนหลังไล่บี้มหาเถรสมาคม ไล่บี้พระระดับสมเด็จ รองสมเด็จอย่างเมามันและไม่เกรงใจจนแทบเอาตัวไม่รอด
“จะเห็นได้ว่าท้ายความเห็นของ ดร.บรรจบนั้นเป็นการแขวะเข้ามาที่พระพุทธอิสระโดยตรง แม้จะไม่เอ่ยชื่อแต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าหมายถึงใคร” แหล่งข่าวกล่าว
เร่งดึงพระ-เณร-ลูกศิษย์กลับ
อย่างไรก็ตามผลของปฏิบัติการทั้งจากเจ้าหน้าที่รัฐและการเดินเรื่องทางปกครองของคณะสงฆ์ แม้จะยังไม่มีบทสรุป แต่ก็ทำให้ศิษย์และพระในวัดพระธรรมกายลดจำนวนลงไปในระดับหนึ่งจากคดีของพระธัมมชโยทั้งทางโลกและทางสงฆ์
ดังนั้นปฏิบัติการสร้างศรัทธาดึงให้วัดพระธรรมกายกลับมาอยู่ในใจของบรรดาศิษยานุศิษย์ จึงต้องเร่งดำเนินการ ภายใต้ทีมงานของสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย เห็นได้จากเฟซบุ๊กของพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรฯ ที่ใช้โครงการต่าง ๆ ที่วัดพระธรรมกายเคยทำ นำมาเชิญชวนให้ผู้คนเข้ามาร่วมกิจกรรมที่วัดพระธรรมกายหรือสาขาของวัดในจังหวัดต่าง ๆ เช่น โครงการอบรมธรรมทายาทหญิง มีทั้งภาคฤดูร้อนและภาคฤดูฝน โครงการสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร 40 ล้านจบก็ยังดำเนินการต่อเนื่อง
โครงการอุปสมบทหมู่ธรรมทายาท พุทธศาสตร์สากลรุ่น Summer Course โครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน โครงการอบรมเตรียมสามเณรบวชเรียนปริยัติสามัญ ยุวพุทธศาสตร์รุ่นที่ 5 อีกทั้งยังพยายามปลุกกระแสรักวัดพระธรรมกาย ด้วยการนำเอาภาพเดิม 1,000 เหตุผลที่คนรักวัดพระธรรมกาย นำออกมาเผยแพร่อีกครั้ง
ตอนนี้ธรรมกายต้องเติมทั้งพระ เณรและลูกศิษย์เข้าวัดเพิ่ม ผ่านโครงการต่าง ๆ และต้องเร่งประชาสัมพันธ์ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของวัดให้กลับคืนมาอีกครั้ง หลังจากที่สมาชิกหายไปจำนวนหนึ่ง เพราะการขาดหายไปของผู้ที่ศรัทธาในวัดพระธรรมกายยังหมายถึงเรื่องของเงินบริจาคที่หายไปด้วย และยังส่งผลต่ออำนาจการต่อรอง หากทางการส่งเจ้าอาวาสรูปใหม่ที่ไม่ใช่พระจากวัดพระธรรมกายเข้ามา
การดำเนินการกับพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่เดิมใช้หลักทางโลกเรื่องคดีความร่วมกันยักยอกทรัพย์และรับของโจร จากกรณีทุจริตในสหกรณ์เครดิตยูเนีjยนคลองจั่น ที่ใช้มาตรา 44 ปิดล้อมวัดตั้งแต่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นเวลา 23 วันแต่ไม่สามารถนำตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีได้
จากนั้นได้เปลี่ยนแนวทางมาใช้การดำเนินการทางสงฆ์ผ่านที่ประชุมมหาเถรสมาคม เมื่อ 10 มีนาคม 2560 โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ส่งเรื่องของพระธัมมชโยให้กับเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ตามกฎนิคหกรรมของมหาเถรสมาคมฉบับที่ 21 และเรื่องดังกล่าวส่งต่อไปยังเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีเพื่อดำเนินการพิจารณา
ทั้งนี้ตามขั้นตอนเจ้าคณะจังหวัดต้องส่งเรื่องให้เจ้าคณะอำเภอพิจารณาให้สละสมณเพศ แจ้งให้เจ้าอาวาสเพื่อแจ้งต่อไปยังภิกษุรูปดังกล่าว ในวัดพระธรรมกายมีเพียงรักษาการเจ้าอาวาสคือพระวิเทศภาวนาจารย์ แต่ก็มีคดีความหลายคดี ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจึงส่งเรื่องให้ทางเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีร่วมกับเจ้าคณะอำเภอและเจ้าคณะตำบลร่วมกันแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
แต่ยังคงมีข้อเสนอว่าควรแต่งตั้งพระจากวัดอื่นมาเป็นเจ้าอาวาส เนื่องจากพระที่ถูกร้องเรียนนั้นเป็นพระผู้ใหญ่ เพื่อให้การสอบข้อร้องเรียนเป็นไปโดยยุติธรรม
ถ่วงเวลาอีกนาน
แหล่งข่าวจากวงการพุทธศาสนากล่าวว่า กรณีของพระธัมมชโยนั้น เมื่อเรื่องที่สำนักพุทธส่งไปถึงเจ้าคณะจังหวัดแล้ว ตอนนี้ติดในขั้นตอนของเจ้าอาวาส เนื่องจากวัดพระธรรมกายไม่มีเจ้าอาวาส ซึ่งต้องให้เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบลร่วมกันแต่งตั้งเจ้าอาวาสให้ได้ก่อน ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลา ส่วนจะนานแค่ไหนขึ้นกับทางเจ้าคณะจังหวัด
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือจะเชิญพระรูปใดมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดนี้ พระที่เป็นคนกลางจะมีท่านใดกล้าเข้ามารับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาส และจะกล้าจำวัดอยู่ภายในวัดพระธรรมกายหรือไม่ เห็นได้จากที่ผ่านมามีรายชื่อของพระไพศาล วิสาโล แต่ท่านก็ปฏิเสธ หรือหากจะใช้พระในวัดพระธรรมกายขึ้นมาเป็นเจ้าอาวาสแล้วต้องมาดำเนินการกับพระธัมมชโยที่ถือว่าเป็นอาจารย์ของพวกเขาทั้งหมดนั้น ผลในการตรวจสอบจะออกมาเข้าข้างกันหรือไม่
ประการต่อมาในกระบวนการทางสงฆ์แล้วจะต้องมีการสอบความผิดของพระธัมมชโย ข้อเสนอให้สึกของสำนักพุทธต้องไต่สวนหาความผิดในด้านพระธรรมวินัยกันก่อน
“การดึงเรื่องเพื่อหาตัวเจ้าอาวาสรูปใหม่ให้นานออกไปก็เป็นแนวทางหนึ่ง การไต่สวนความผิดในทางสงฆ์ก็เป็นอีกทางหนึ่งเช่นกัน ขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์”
กลับไป-กลับมา
อย่างไรก็ตาม ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ประธานสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งเอเชีย ที่เคยแนะนำให้วัดพระธรรมกายทบทวนเรื่องคำสอนที่ผิดไปจากพุทธศาสนา ได้กลับมาแสดงความเห็นในเรื่องการสึกพระธัมมชโยผ่านทางเฟซบุ๊กเมื่อ 19 มีนาคม 2560 ว่า “การสึกของพระ ใครทำให้ไม่ได้ นอกจากเจ้าตัวทำเอง หากจะทำกลางอากาศต้องเดินตามขั้นตอนพระวินัย ไม่เช่นนั้นคณะสงฆ์ไม่มีหลักและที่พึ่งแน่”
พร้อมทั้งอธิบายถึงการสึกของพระมี 2 วิธี วิธีแรกคือสึกโดยอัตโนมัติ เกิดขึ้นในขณะที่พระรูปใดรูปหนึ่งมีเจตนาทำผิดพระวินัยร้ายแรงถึงขั้นปาราชิก อย่างนี้พอทำสำเร็จก็ขาดจากความเป็นพระทันทีเพราะผิดปณิธานผิดปฏิญญาที่จะถือเพศพรหมจรรย์คือเป็นพระโดยงดเว้นจากทำพฤติกรรมที่พระทำไม่ได้ เช่น การมีเพศสัมพันธ์ การฆ่าคน
วิธีที่ 2 สึกโดยการเปล่งวาจาให้ทราบ เป็นการบอกให้ทราบว่าตนเองเข้มแข็งไม่พอที่จะดำเนินวิถีชีวิตพระต่อไปได้ การสึกแบบนี้ทำได้ในกรณีที่พระรูปที่ต้องการสึกบอกให้คนอื่นทราบว่าตนขอลาสิกขา ลาพระรัตนตรัย แล้วผู้ที่ตนบอกนั้นจะกี่คนหรือคนเดียวก็ได้ ทว่าเข้าใจความหมายได้ ก็ถือว่า สึกได้สำเร็จทันทีเช่นกัน
มีการสึกอีกแบบหนึ่งคือ ไล่ให้สึก เรียกว่า “นาสนะ - การทำให้เสีย” หมายถึง ไล่ให้พ้นไปจากความเป็นพระหรือสึก ในกรณีนี้ยุ่งยากมาก ทำได้ ต้องอาศัยสงฆ์คือทำเป็นคณะ เริ่มต้นต้องตั้งคณะพระวินัยธรดำเนินการสอบสวนตามพระธรรมวินัยให้ได้ความผิดชัดเจน ซึ่งต้องไม่พลาด เพราะถ้าผิดพลาดขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง เช่น ได้คณะพระวินัยธรที่ไม่แตกฉานพระวินัยวินิจฉัยผิดหรือมีอคติก็จะเกิดผลเสียกันไปใหญ่ จึงต้องระวัง ดีไม่ดียิ่งแตกแยกหนัก ในกรณีที่ผู้ที่ถูกนาสนะมีผู้เคารพนับถือมาก
ดังนั้น การประกาศให้สึกกลางอากาศจึงทำตามแรงเชียร์หรือการบังคับของใครไม่ได้ ต้องดำเนินการสอบสวนหาความถูกผิดตามขั้นตอนของพระวินัยก่อน ดีนะที่คณะสงฆ์ไทยไม่หลงทางตามคำขอเสนอชี้แนะ ไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาอีกยาว และคณะสงฆ์ก็จะไม่มีที่พึ่ง เพราะทำลายที่พึ่งคือพระวินัยเสียเอง
อีกทั้งยังได้แสดงความเห็นเรื่องอันตราย! พระธรรมวินัยคือเกราะกำบัง หากคณะสงฆ์ไทยให้ความสำคัญน้อยกว่ากฎหมายอื่น มีแต่ตกต่ำสถานเดียว โดยได้ทิ้งท้ายไว้ว่าการมุ่งถือกฎหมายอื่นระเบียบอื่นเหนือกว่าพระธรรมวินัยจนการปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอ่อนแอจึงเปิดทางให้พระธรรมดาบางรูปร่วมกับพลพรรคที่มีอำนาจรัฐหนุนหลังไล่บี้มหาเถรสมาคม ไล่บี้พระระดับสมเด็จ รองสมเด็จอย่างเมามันและไม่เกรงใจจนแทบเอาตัวไม่รอด
“จะเห็นได้ว่าท้ายความเห็นของ ดร.บรรจบนั้นเป็นการแขวะเข้ามาที่พระพุทธอิสระโดยตรง แม้จะไม่เอ่ยชื่อแต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าหมายถึงใคร” แหล่งข่าวกล่าว
เร่งดึงพระ-เณร-ลูกศิษย์กลับ
อย่างไรก็ตามผลของปฏิบัติการทั้งจากเจ้าหน้าที่รัฐและการเดินเรื่องทางปกครองของคณะสงฆ์ แม้จะยังไม่มีบทสรุป แต่ก็ทำให้ศิษย์และพระในวัดพระธรรมกายลดจำนวนลงไปในระดับหนึ่งจากคดีของพระธัมมชโยทั้งทางโลกและทางสงฆ์
ดังนั้นปฏิบัติการสร้างศรัทธาดึงให้วัดพระธรรมกายกลับมาอยู่ในใจของบรรดาศิษยานุศิษย์ จึงต้องเร่งดำเนินการ ภายใต้ทีมงานของสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย เห็นได้จากเฟซบุ๊กของพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรฯ ที่ใช้โครงการต่าง ๆ ที่วัดพระธรรมกายเคยทำ นำมาเชิญชวนให้ผู้คนเข้ามาร่วมกิจกรรมที่วัดพระธรรมกายหรือสาขาของวัดในจังหวัดต่าง ๆ เช่น โครงการอบรมธรรมทายาทหญิง มีทั้งภาคฤดูร้อนและภาคฤดูฝน โครงการสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร 40 ล้านจบก็ยังดำเนินการต่อเนื่อง
โครงการอุปสมบทหมู่ธรรมทายาท พุทธศาสตร์สากลรุ่น Summer Course โครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน โครงการอบรมเตรียมสามเณรบวชเรียนปริยัติสามัญ ยุวพุทธศาสตร์รุ่นที่ 5 อีกทั้งยังพยายามปลุกกระแสรักวัดพระธรรมกาย ด้วยการนำเอาภาพเดิม 1,000 เหตุผลที่คนรักวัดพระธรรมกาย นำออกมาเผยแพร่อีกครั้ง
ตอนนี้ธรรมกายต้องเติมทั้งพระ เณรและลูกศิษย์เข้าวัดเพิ่ม ผ่านโครงการต่าง ๆ และต้องเร่งประชาสัมพันธ์ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของวัดให้กลับคืนมาอีกครั้ง หลังจากที่สมาชิกหายไปจำนวนหนึ่ง เพราะการขาดหายไปของผู้ที่ศรัทธาในวัดพระธรรมกายยังหมายถึงเรื่องของเงินบริจาคที่หายไปด้วย และยังส่งผลต่ออำนาจการต่อรอง หากทางการส่งเจ้าอาวาสรูปใหม่ที่ไม่ใช่พระจากวัดพระธรรมกายเข้ามา