คดีวัดพระธรรมกายนิ่ง แต่สายธรรมกายยังเคลื่อนไหวผ่านฆราวาส แยกเป็น 2 สาย สมาพันธ์ชาวพุทธฯ เดินหน้าปลุกพระ อ้างมีภัยจำเป็นต้องปกป้องพระพุทธศาสนา สวดรัฐบาล 2 ป.หนุนศาสนาอื่น ด้านพรรคการเมืองหนุนธรรมกายชิงจังหวะเรียกร้องประชาธิปไตย คนในวงการศาสนาเชื่อเบี่ยงประเด็นประวิงเวลารอให้เปลี่ยนรัฐบาลนี้ หวังรัฐบาลเลือกตั้งเคลียร์ง่ายกว่า
จากปฏิบัติการปูพรมตรวจค้นวัดพระธรรมกายตามมาตรา 44 เพื่อนำตัวพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายมาดำเนินคดีตามหมายจับคดีร่วมกันฟอกเงินและรับของโจรจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่เกี่ยวโยงนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์และอดีตไวยาวัจกรวัดพระธรรมกาย แต่ 23 วันของการตรวจค้นกลับไม่พบตัวพระธัมมชโย
แม้จะมีการเปลี่ยนแนวทางในการดำเนินการกับพระธัมมชโยในทางสงฆ์ ด้วยการที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ส่งเรื่องให้ดำเนินการสึกพระธัมมชโยไปยังเจ้าคณะใหญ่หนกลางและเรื่องได้ส่งต่อไปยังเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี แต่ทุกอย่างกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น วัดพระธรรมกายยังคงเดินหน้าต่อด้วยคณะบริหารร่วมระหว่างพระระดับรองกับทีมงานของเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มวัดพระธรรมกาย คณะทำงานภายในวัดได้เร่งฟื้นฟูความศรัทธาของวัดให้กลับคืนมา กิจกรรมบุญต่าง ๆ ถูกนำมาใช้เพื่อดึงคนเข้าวัดเหมือนเดิม อย่างการร่วมกันสร้างโบสถ์พระไตรปิฎก ผ้าป่าสามัคคีประจำเดือนเมษายน เพิ่มรอบการสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรเป็น 50 ล้านจบ
ขณะที่หน่วยงานรัฐที่เคยเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้อย่างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกลับอ่อนแรงลงไปทุกขณะ นับตั้งแต่เรื่องถูกส่งไปที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
อย่างไรก็ตามคณะทำงานด้านพุทธศาสนาที่ติดตามเรื่องดังกล่าว หลังจากที่เรื่องของวัดพระธรรมกายเงียบหายไปกล่าวสั้น ๆ ว่า เราคงต้องสอบทานไปยังเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีอีกครั้ง หากไม่มีความคืบหน้าอีกอาจต้องมีมาตรการใดมาตรการหนึ่งออกมาเพื่อให้การแก้ไขปัญหาของวัดพระธรรมกายเดินหน้าต่อ
ลิ่วล้อเดินหน้าปลุกพระ
ภายใต้ช่วงเวลาที่คดีทั้งทางโลกและทางสงฆ์ของวัดพระธรรมกายนิ่งสนิท กลับพบว่าในส่วนฆราวาสที่เคยสนับสนุนแนวทางของวัดพระธรรมกายได้มีการเคลื่อนไหวภายใต้ทิศทางขององค์กรของตัวเอง
เริ่มที่ ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ประธานสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย ที่เริ่มออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก แจ้งความคืบหน้าในการก่อตั้งมูลนิธิเพื่อพระพุทธศาสนา โดยประกาศจุดยืนเพื่อให้พระพุทธศาสนามั่นคงสังคมไทยสงบสุข โดยวิธีการเผยแพร่ความรู้และทำกิจกรรม ภายใต้โจทย์ทำอย่างไรให้พระพุทธศาสนามั่นคงอยู่ในประเทศไทย
พร้อมทั้งเปิดบัญชีระดมทุนปกป้องพระพุทธศาสนาในนามมูลนิธิเพื่อพระพุทธศาสนา โดยมี ดร.บรรจบเป็นประธานกรรมการมูลนิธิ
จากนั้นได้ออกมาโพสต์ สถานะของชาวพุทธที่ตกต่ำทั้งในด้านศักดิ์ศรีที่เป็นศาสนิกของศาสนาของคนส่วนใหญ่และในด้านสิทธิตามกฎหมายที่พึงได้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะไม่คิดกอบกู้บ้างเลยหรือ? ฤาจะเอาแต่ไล่บี้วัดพระธรรมกาย? ระวัง! ทำอะไรผลีผลาม จะถูกไล่บี้เอาบ้าง แล้วจะหาว่าไม่เตือน
เนื้อหาหลักมุ่งไปที่การทำงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่มุ่งดำเนินการเอาผิดกับพระธัมมชโย และกล่าวพาดพิงไปถึงศาสนาอื่นที่กลุ่มของสมาพันธ์ฯ มองว่ารัฐบาลชุดนี้ตีกรอบพุทธศาสนาและมุ่งส่งเสริมศาสนาอื่น
นี่คือเนื้อหาที่ ดร.บรรจบได้โพสต์ไว้ดังนี้ ความจริงสำนักพุทธฯ มีเรื่องต้องทำเพื่อดูแลพระพุทธศาสนาเยอะมาก ถ้านึกไม่ออกก็น่าจะไปสำนักงานกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ถือดอกไม้ไปด้วยไป “กราบ” เขาแล้วให้เขาสอนดูซิว่าเขาใช้ “รัฐบาล ๒ ป.” คือ ประยุทธ์+ประวิตร ทำอะไรให้เขาบ้าง? มัสยิดถึงขึ้นเป็นดอกเห็ด
ถามเขาดูซิว่า รัฐบาล “ประยุทธ์+ประวิตร” เปิดทางยังไง ถึงให้พระราชบัญญัติอิสลามไหลออกมาเป็นเทน้ำเทท่า และลองให้เขาติวให้ดูซิว่า ทำไมอิสลามทำอะไรถึงง่ายไปหมด ? แต่พุทธขยับอะไรไม่ได้เลย ติดกึกกัก ขนาดพระอยู่ป่ายังอยู่ไม่ได้ พุทธสถานถูกทุบทิ้ง แต่มัสยิดสร้างในวนอุทยานแห่งชาติได้ ถามเขาสิว่า เขาทำยังไง?
นอกจากนี้ยังมีความพยายามที่จะปลุกกระแสพระสงฆ์ให้มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกับสมาพันธ์ฯ คือ พระพุทธศาสนากำลังมีภัย ต้องมาช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนา โดยได้นำกรณีของพระพม่าที่มีความกล้ามากกว่าพระไทย ที่กล้าคัดค้านรัฐบาลจนถูกยิงจนมรณภาพ
อ้างปกป้องพระพุทธศาสนา
แหล่งข่าวด้านพุทธศาสนากล่าวว่า สายของ ดร.บรรจบ ยังเลือกที่จะเดินไปในแนวทางของพุทธศาสนา ด้วยจุดขายที่ว่าพุทธศาสนามีภัย ต้องร่วมกันมาปกป้องพระพุทธศาสนา กลุ่มนี้จะโฟกัสไปที่ศาสนาอื่นว่ามีการขยายตัวเข้ามาในประเทศไทยมาก เกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อพุทธศาสนา และพุ่งเป้าไปกล่าวหาว่ารัฐบาลให้การสนับสนุน โดยการออกมาปลุกระดมพระในครั้งนี้มีการเปิดระดมทุนผ่านสมาพันธ์ฯ
ในทางปฏิบัตินั้นทุกรัฐบาลให้การสนับสนุนในทุกศาสนา และคนไทยส่วนใหญ่ก็นับถือพุทธศาสนา แต่กลับมองไปว่ากลัวพุทธศาสนาจะถูกกลืน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากจะเกิดขึ้น หากเรามองด้วยความเป็นธรรม พุทธศาสนาของไทยก็ขยายไปยังประเทศอื่น ๆ เช่นกัน ดังนั้นประเด็นที่สมาพันธ์ชาวพุทธฯ ชูขึ้นมานั้นจึงปลุกกระแสได้ยาก
อีกทั้งที่ผ่านมา ดร.บรรจบเองก็หนุนสมเด็จช่วงฯ วัดปากน้ำให้ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช เช่นเดียวกับเจ้าคุณประสาร และเดินในแนวทางเดียวกับวัดพระธรรมกาย รวมถึงความนิยมชมชอบในการต่อสู้ของพระพม่าและไม่ชอบในบางศาสนา อีกทั้งขณะที่มีการดำเนินคดีกับวัดพระธรรมกายนั้นกลับถูกขยายความให้เป็นเรื่องของพุทธศาสนา ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องความผิดเฉพาะตัวของพระธัมมชโย
ดึงเกมธรรมกายพ้นรัฐบาลนี้
อีกหนึ่งในสายที่หนุนวัดพระธรรมกายอย่าง นาวาอากาศเอก (พิเศษ) คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ เลขาธิการพรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย ได้อาศัยสถานการณ์ที่หมุดคณะราษฎร ออกมาเรียกร้องเรื่องสิทธิและเสรีภาพ โดยอ้างว่าตั้งแต่เป็นประชาชนยุค 2475 ไม่เคยได้รับประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย ก่อนที่จะถูกควบคุมตัวออกไป
พรรคนี้เลขาธิการพรรคท่านออกมาปกป้องวัดพระธรรมกายเต็มตัว และทีมงานภายในล้วนแนบแน่นกับคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยอยู่ไม่น้อย และหลายคนเป็นศิษย์ของวัดพระธรรมกาย
เดิมกลุ่มของ ดร.บรรจบเองก็มีความคิดที่จะจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อเป็นปากเป็นเสียงให้กับพุทธศาสนา เคยหารือกันถึงการตั้งพรรคแผ่นดินธรรม แต่กลับไม่เป็นรูปธรรม ขณะที่กลุ่มนาวาอากาศเอกคัมภีร์กลับมีการรวมตัวกันและเดินเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่ยังไม่ได้มีการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ พรรคนี้มีแกนนำแดงปทุมร่วมเป็นสมาชิก หรือกลุ่มสมาพันธ์ชาวพุทธฯ ก็มีเสื้อแดงนนทบุรี เป็นเลขาธิการสมาพันธ์ฯ
ตอนนี้ทุกฝ่ายเดินกันตามเป้าหมายของต้นสังกัด แต่ทั้งหมดเป็นการดิสเครดิตรัฐบาลทั้งนั้น สมาพันธ์ฯ ยกปัญหาธรรมกายว่าเป็นเรื่องของพระพุทธศาสนา ขณะที่พรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทยเลือกเรียกร้องประชาธิปไตย
สถานการณ์ในตอนนี้ทางธรรมกาย ต้องหาวิธีที่จะดึงเรื่องคดีของวัดพระธรรมกายให้ยืดออกไป เป้าหมายหลักเพื่อรอให้มีการเปลี่ยนจากรัฐบาล คสช.เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยคาดหวังว่ารัฐบาลใหม่จะเจรจากันได้ง่ายกว่ารัฐบาลปัจจุบัน ยิ่งถ้าพรรคเพื่อไทยได้กลับเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้งคดีของวัดพระธรรมกายจะคลี่คลายมากขึ้น
จากปฏิบัติการปูพรมตรวจค้นวัดพระธรรมกายตามมาตรา 44 เพื่อนำตัวพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายมาดำเนินคดีตามหมายจับคดีร่วมกันฟอกเงินและรับของโจรจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่เกี่ยวโยงนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์และอดีตไวยาวัจกรวัดพระธรรมกาย แต่ 23 วันของการตรวจค้นกลับไม่พบตัวพระธัมมชโย
แม้จะมีการเปลี่ยนแนวทางในการดำเนินการกับพระธัมมชโยในทางสงฆ์ ด้วยการที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ส่งเรื่องให้ดำเนินการสึกพระธัมมชโยไปยังเจ้าคณะใหญ่หนกลางและเรื่องได้ส่งต่อไปยังเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี แต่ทุกอย่างกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น วัดพระธรรมกายยังคงเดินหน้าต่อด้วยคณะบริหารร่วมระหว่างพระระดับรองกับทีมงานของเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มวัดพระธรรมกาย คณะทำงานภายในวัดได้เร่งฟื้นฟูความศรัทธาของวัดให้กลับคืนมา กิจกรรมบุญต่าง ๆ ถูกนำมาใช้เพื่อดึงคนเข้าวัดเหมือนเดิม อย่างการร่วมกันสร้างโบสถ์พระไตรปิฎก ผ้าป่าสามัคคีประจำเดือนเมษายน เพิ่มรอบการสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรเป็น 50 ล้านจบ
ขณะที่หน่วยงานรัฐที่เคยเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้อย่างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกลับอ่อนแรงลงไปทุกขณะ นับตั้งแต่เรื่องถูกส่งไปที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
อย่างไรก็ตามคณะทำงานด้านพุทธศาสนาที่ติดตามเรื่องดังกล่าว หลังจากที่เรื่องของวัดพระธรรมกายเงียบหายไปกล่าวสั้น ๆ ว่า เราคงต้องสอบทานไปยังเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีอีกครั้ง หากไม่มีความคืบหน้าอีกอาจต้องมีมาตรการใดมาตรการหนึ่งออกมาเพื่อให้การแก้ไขปัญหาของวัดพระธรรมกายเดินหน้าต่อ
ลิ่วล้อเดินหน้าปลุกพระ
ภายใต้ช่วงเวลาที่คดีทั้งทางโลกและทางสงฆ์ของวัดพระธรรมกายนิ่งสนิท กลับพบว่าในส่วนฆราวาสที่เคยสนับสนุนแนวทางของวัดพระธรรมกายได้มีการเคลื่อนไหวภายใต้ทิศทางขององค์กรของตัวเอง
เริ่มที่ ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ประธานสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย ที่เริ่มออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก แจ้งความคืบหน้าในการก่อตั้งมูลนิธิเพื่อพระพุทธศาสนา โดยประกาศจุดยืนเพื่อให้พระพุทธศาสนามั่นคงสังคมไทยสงบสุข โดยวิธีการเผยแพร่ความรู้และทำกิจกรรม ภายใต้โจทย์ทำอย่างไรให้พระพุทธศาสนามั่นคงอยู่ในประเทศไทย
พร้อมทั้งเปิดบัญชีระดมทุนปกป้องพระพุทธศาสนาในนามมูลนิธิเพื่อพระพุทธศาสนา โดยมี ดร.บรรจบเป็นประธานกรรมการมูลนิธิ
จากนั้นได้ออกมาโพสต์ สถานะของชาวพุทธที่ตกต่ำทั้งในด้านศักดิ์ศรีที่เป็นศาสนิกของศาสนาของคนส่วนใหญ่และในด้านสิทธิตามกฎหมายที่พึงได้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะไม่คิดกอบกู้บ้างเลยหรือ? ฤาจะเอาแต่ไล่บี้วัดพระธรรมกาย? ระวัง! ทำอะไรผลีผลาม จะถูกไล่บี้เอาบ้าง แล้วจะหาว่าไม่เตือน
เนื้อหาหลักมุ่งไปที่การทำงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่มุ่งดำเนินการเอาผิดกับพระธัมมชโย และกล่าวพาดพิงไปถึงศาสนาอื่นที่กลุ่มของสมาพันธ์ฯ มองว่ารัฐบาลชุดนี้ตีกรอบพุทธศาสนาและมุ่งส่งเสริมศาสนาอื่น
นี่คือเนื้อหาที่ ดร.บรรจบได้โพสต์ไว้ดังนี้ ความจริงสำนักพุทธฯ มีเรื่องต้องทำเพื่อดูแลพระพุทธศาสนาเยอะมาก ถ้านึกไม่ออกก็น่าจะไปสำนักงานกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ถือดอกไม้ไปด้วยไป “กราบ” เขาแล้วให้เขาสอนดูซิว่าเขาใช้ “รัฐบาล ๒ ป.” คือ ประยุทธ์+ประวิตร ทำอะไรให้เขาบ้าง? มัสยิดถึงขึ้นเป็นดอกเห็ด
ถามเขาดูซิว่า รัฐบาล “ประยุทธ์+ประวิตร” เปิดทางยังไง ถึงให้พระราชบัญญัติอิสลามไหลออกมาเป็นเทน้ำเทท่า และลองให้เขาติวให้ดูซิว่า ทำไมอิสลามทำอะไรถึงง่ายไปหมด ? แต่พุทธขยับอะไรไม่ได้เลย ติดกึกกัก ขนาดพระอยู่ป่ายังอยู่ไม่ได้ พุทธสถานถูกทุบทิ้ง แต่มัสยิดสร้างในวนอุทยานแห่งชาติได้ ถามเขาสิว่า เขาทำยังไง?
นอกจากนี้ยังมีความพยายามที่จะปลุกกระแสพระสงฆ์ให้มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกับสมาพันธ์ฯ คือ พระพุทธศาสนากำลังมีภัย ต้องมาช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนา โดยได้นำกรณีของพระพม่าที่มีความกล้ามากกว่าพระไทย ที่กล้าคัดค้านรัฐบาลจนถูกยิงจนมรณภาพ
อ้างปกป้องพระพุทธศาสนา
แหล่งข่าวด้านพุทธศาสนากล่าวว่า สายของ ดร.บรรจบ ยังเลือกที่จะเดินไปในแนวทางของพุทธศาสนา ด้วยจุดขายที่ว่าพุทธศาสนามีภัย ต้องร่วมกันมาปกป้องพระพุทธศาสนา กลุ่มนี้จะโฟกัสไปที่ศาสนาอื่นว่ามีการขยายตัวเข้ามาในประเทศไทยมาก เกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อพุทธศาสนา และพุ่งเป้าไปกล่าวหาว่ารัฐบาลให้การสนับสนุน โดยการออกมาปลุกระดมพระในครั้งนี้มีการเปิดระดมทุนผ่านสมาพันธ์ฯ
ในทางปฏิบัตินั้นทุกรัฐบาลให้การสนับสนุนในทุกศาสนา และคนไทยส่วนใหญ่ก็นับถือพุทธศาสนา แต่กลับมองไปว่ากลัวพุทธศาสนาจะถูกกลืน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากจะเกิดขึ้น หากเรามองด้วยความเป็นธรรม พุทธศาสนาของไทยก็ขยายไปยังประเทศอื่น ๆ เช่นกัน ดังนั้นประเด็นที่สมาพันธ์ชาวพุทธฯ ชูขึ้นมานั้นจึงปลุกกระแสได้ยาก
อีกทั้งที่ผ่านมา ดร.บรรจบเองก็หนุนสมเด็จช่วงฯ วัดปากน้ำให้ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช เช่นเดียวกับเจ้าคุณประสาร และเดินในแนวทางเดียวกับวัดพระธรรมกาย รวมถึงความนิยมชมชอบในการต่อสู้ของพระพม่าและไม่ชอบในบางศาสนา อีกทั้งขณะที่มีการดำเนินคดีกับวัดพระธรรมกายนั้นกลับถูกขยายความให้เป็นเรื่องของพุทธศาสนา ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องความผิดเฉพาะตัวของพระธัมมชโย
ดึงเกมธรรมกายพ้นรัฐบาลนี้
อีกหนึ่งในสายที่หนุนวัดพระธรรมกายอย่าง นาวาอากาศเอก (พิเศษ) คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ เลขาธิการพรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย ได้อาศัยสถานการณ์ที่หมุดคณะราษฎร ออกมาเรียกร้องเรื่องสิทธิและเสรีภาพ โดยอ้างว่าตั้งแต่เป็นประชาชนยุค 2475 ไม่เคยได้รับประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย ก่อนที่จะถูกควบคุมตัวออกไป
พรรคนี้เลขาธิการพรรคท่านออกมาปกป้องวัดพระธรรมกายเต็มตัว และทีมงานภายในล้วนแนบแน่นกับคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยอยู่ไม่น้อย และหลายคนเป็นศิษย์ของวัดพระธรรมกาย
เดิมกลุ่มของ ดร.บรรจบเองก็มีความคิดที่จะจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อเป็นปากเป็นเสียงให้กับพุทธศาสนา เคยหารือกันถึงการตั้งพรรคแผ่นดินธรรม แต่กลับไม่เป็นรูปธรรม ขณะที่กลุ่มนาวาอากาศเอกคัมภีร์กลับมีการรวมตัวกันและเดินเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่ยังไม่ได้มีการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ พรรคนี้มีแกนนำแดงปทุมร่วมเป็นสมาชิก หรือกลุ่มสมาพันธ์ชาวพุทธฯ ก็มีเสื้อแดงนนทบุรี เป็นเลขาธิการสมาพันธ์ฯ
ตอนนี้ทุกฝ่ายเดินกันตามเป้าหมายของต้นสังกัด แต่ทั้งหมดเป็นการดิสเครดิตรัฐบาลทั้งนั้น สมาพันธ์ฯ ยกปัญหาธรรมกายว่าเป็นเรื่องของพระพุทธศาสนา ขณะที่พรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทยเลือกเรียกร้องประชาธิปไตย
สถานการณ์ในตอนนี้ทางธรรมกาย ต้องหาวิธีที่จะดึงเรื่องคดีของวัดพระธรรมกายให้ยืดออกไป เป้าหมายหลักเพื่อรอให้มีการเปลี่ยนจากรัฐบาล คสช.เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยคาดหวังว่ารัฐบาลใหม่จะเจรจากันได้ง่ายกว่ารัฐบาลปัจจุบัน ยิ่งถ้าพรรคเพื่อไทยได้กลับเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้งคดีของวัดพระธรรมกายจะคลี่คลายมากขึ้น