พิษณุโลก - แม่วอนหน่วยงานรัฐช่วยเหลือลูกสาว พกยารักษาโรคเครียด ยากันชัก ยาแก้ปวดไมเกรน และยารักษาระบบลำไส้ ติดตัวบินไปหาเพื่อน ถูกจับติดคุกโอมานนาน 2 เดือนไม่ได้กินยา กลัวลูกได้รับอันตราย
นายธานินทร์ สมบูรณ์สาร พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก, พ.ต.ท.สัญญา หาญวณิชานนท์ สารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพิษณุโลก และนายแพทย์ สมชาย พรหมมณี รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนางสุนทรี เนียมกลาง อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ 14 ต.บ้านดง อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก วานนี้ (28 ธ.ค.)
นางสุนทรีกล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ตนเพิ่งทราบว่าลูกพยายามขอความช่วยเหลือ โดยโพสต์ข้อความลงเฟชบุ๊ก ระบุขอความช่วยเหลือ ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 24 ธ.ค. 59 ว่า “ผู้เขียนคือ นางสาวรสสุคนธ์ เนียมกลาง อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ 14 ต.บ้านดง อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ที่ได้เดินทางไปประเทศโอมาน เพื่อมาหาเพื่อน ขึ้นเครื่องตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 ต.ค. กระเป๋าเดินทางมียารักษาโรค สนามบินสุวรรณภูมิตรวจสอบสามารถนำยาออกนอกประเทศได้ เพราะเป็นยารักษาโรคประจำตัว และจ่ายยาโดยโรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลก
แต่เมื่อลงเครื่องปรากฏว่ากระเป๋าเดินทางไม่ผ่านการตรวจสอบเพราะพบยาบางตัว เป็นยาต้องห้ามของประเทศโอมาน สแกนไม่ผ่าน คือ ยากันชัก ยาแก้ปวดไมเกรน ยาแก้คลื่นไส้ ยาคลายเครียด ยานอนหลับ ยาปรับความดันเลือด จึงถูกเจ้าหน้าที่ของโอมานจับกุม และถูกคุมขังตั้งแต่ลงเครื่องเป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้ว ก่อนเดินทางไปตรวจรักษาแพทย์ โรคไมเกรน โรคซึมเศร้า ไฮเปอร์เวเนเตอเรชัน และสั่งจ่ายยามาให้กิน 4 เดือน นำติดตัวไปเพียงครึ่งเดียวที่เหลือเก็บไว้ที่บ้าน
นางสุนทรีกล่าวอีกว่า หลังจากทราบเรื่องก็ได้พยายามหาทางช่วยเหลือ ส่งเอกสารการรักษาจากโรงพยาบาลให้ทางสถานทูตไทยที่ประเทศโอมาน แต่ก็ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ ที่สำคัญระหว่างที่ลูกถูกควบคุมตัวตลอด 2 เดือนไม่ได้กินยาเพื่อรักษาโรคประจำตัวเลย ทำให้อาการเจ็บป่วยเริ่มกำเริบ อีกทั้งยังไม่สามารถสื่อสารได้เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง ทำให้ได้รับความลำบากเดือดร้อนมาก จึงต้องการขอความช่วยเหลือด่วน
ทั้งนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามียา 1 ชนิดที่นางสาวรสสุคนธ์ เนียมกลาง ระบุว่านำติดตัวไป เป็นยาเฉพาะที่แพทย์ต้องสั่งจ่าย เพราะมีส่วนผสมของยาเสพติด อาจเป็นสาเหตุของการถูกควบคุมตัวไว้
อย่างไรก็ตาม ทาง พมจ.พิษณุโลกจะได้ประสานไปยังแพทย์ที่ทำการรักษาเพื่อรับรองประวัติการรักษาอาการป่วย พร้อมรับการจ่ายยาแต่ละชนิด แจ้งประสานไปยังสถานทูตไทยในประเทศโอมานให้เข้าไปตรวจสอบช่วยเหลือ เพื่อขอให้มีการได้รับยารักษาโรคโดยเร็วก่อนอาการป่วยกำเริบจนเป็นอันตราย จากนั้นจะเร่งส่งเอกสารเพื่อทำการช่วยเหลือให้เร็วที่สุดต่อไป