สธ. เดินหน้าเพิ่มการเข้าถึงบริการด้านจิตเวชทุกเขตสุขภาพ เน้นบริการเครือข่ายไร้รอยต่อมาตรฐานเดียว เพิ่มตรวจรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ขยายบริการลงโรงพยาบาลชุมชนจังหวัดละ 2 แห่ง ตั้งเป้าปี 2559 เพิ่มการเข้าถึงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 45
วันนี้ (25 ก.ย.) ที่โรงแรมดิเอ็มเพรส จ.เชียงใหม่ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) บรรยายพิเศษเรื่อง “ทิศทางและแนวโน้มการพัฒนาระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวชในอนาคต” ในงานประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และทีมสหวิชาชีพ ว่า จากการประเมินการเข้าถึงบริการสุขภาพจิตและจิตเวช ปัญหาเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั่วโลกคือ ผู้ป่วยโรคทางจิตเข้าถึงบริการต่ำกว่าโรคทางกาย เนื่องมาจากทัศนคติ การยอมรับการรักษา และการพัฒนาระบบบริการยังไม่เพียงพอ สธ. จึงได้เร่งพัฒนาระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวชให้ครอบคลุมทั่วถึงในทุกเขตสุขภาพ 12 เขต และ กทม. เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาทางจิต เข้าถึงการดูแลรักษาใกล้บ้าน ได้กินยาต่อเนื่อง ตั้งเป้าภายในปี 2559 ผู้ป่วยโรคจิตเข้าถึงบริการไม่ต่ำกว่าร้อยละ 45 และผู้ป่วยโรคซึมเศร้าไม่ต่ำกว่าร้อยละ 37
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า การพัฒนาดังกล่าว ได้ดำเนินการทุกเขตสุขภาพ ตั้งแต่ระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ ตติยภูมิ และศูนย์ความเชี่ยวชาญระดับสูง สร้างระบบดูแลผู้ป่วยรายเก่าและรายใหม่เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายบริการไร้รอยต่อกับโรงพยาบาลเฉพาะทาง ซึ่งมีเพียง 18 แห่งทั่วประเทศ ใช้มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ระยะต้นเน้น 4 กลุ่มสำคัญ ได้แก่ ผู้ป่วยโรคจิต โรคซึมเศร้า รวมทั้งบำบัดผู้ติดสุรา ติดยาเสพติด เนื่องจากในระยะยาวจะเป็นสาเหตุการเกิดโรคจิต ใช้กลไกความร่วมมือและช่วยเหลือกันระหว่างสถานบริการทุกระดับ โดยเพิ่มการบริการตรวจรักษาผู้ป่วยจิตเวช ทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน ที่โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป มีเตียงฉุกเฉินรับผู้ป่วยจิตดูแลรักษาภายใน 3 - 5 วันอย่างน้อยเขตสุขภาพละ 1 แห่ง สามารถบำบัดอาการเบื้องต้นก่อนส่งดูแลที่โรงพยาบาลเฉพาะทาง ขยายบริการสุขภาพจิตในโรงพยาบาลชุมชนจังหวัดละ 2 อำเภอ และกระจายยารักษาโรคจิตเวชประมาณ 35 รายการทุกจังหวัด เพื่อให้ผู้ป่วยกินยาควบคุมอาการอย่างต่อเนื่อง และให้กรมสุขภาพจิตจัดอบรมแพทย์ พยาบาล อสม. แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัย และรักษาจนอาการสงบ ดูแลและติดตามผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องเมื่อกลับสู่ชุมชน
สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยผู้ป่วยโรคจิตเข้าถึงบริการร้อยละ 42 ขณะที่อเมริกา ยุโรป เข้าถึงร้อยละ 43 ส่วนโรคซึมเศร้า คนไทยเข้าถึงร้อยละ 37 ส่วนที่อเมริกายุโรปเข้าถึงร้อยละ 43 ผลสำรวจในปี 2551 ไทยมีผู้ป่วยโรคจิตร้อยละ 0.8 หรือประมาณ 530,000 คน
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (25 ก.ย.) ที่โรงแรมดิเอ็มเพรส จ.เชียงใหม่ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) บรรยายพิเศษเรื่อง “ทิศทางและแนวโน้มการพัฒนาระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวชในอนาคต” ในงานประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และทีมสหวิชาชีพ ว่า จากการประเมินการเข้าถึงบริการสุขภาพจิตและจิตเวช ปัญหาเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั่วโลกคือ ผู้ป่วยโรคทางจิตเข้าถึงบริการต่ำกว่าโรคทางกาย เนื่องมาจากทัศนคติ การยอมรับการรักษา และการพัฒนาระบบบริการยังไม่เพียงพอ สธ. จึงได้เร่งพัฒนาระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวชให้ครอบคลุมทั่วถึงในทุกเขตสุขภาพ 12 เขต และ กทม. เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาทางจิต เข้าถึงการดูแลรักษาใกล้บ้าน ได้กินยาต่อเนื่อง ตั้งเป้าภายในปี 2559 ผู้ป่วยโรคจิตเข้าถึงบริการไม่ต่ำกว่าร้อยละ 45 และผู้ป่วยโรคซึมเศร้าไม่ต่ำกว่าร้อยละ 37
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า การพัฒนาดังกล่าว ได้ดำเนินการทุกเขตสุขภาพ ตั้งแต่ระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ ตติยภูมิ และศูนย์ความเชี่ยวชาญระดับสูง สร้างระบบดูแลผู้ป่วยรายเก่าและรายใหม่เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายบริการไร้รอยต่อกับโรงพยาบาลเฉพาะทาง ซึ่งมีเพียง 18 แห่งทั่วประเทศ ใช้มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ระยะต้นเน้น 4 กลุ่มสำคัญ ได้แก่ ผู้ป่วยโรคจิต โรคซึมเศร้า รวมทั้งบำบัดผู้ติดสุรา ติดยาเสพติด เนื่องจากในระยะยาวจะเป็นสาเหตุการเกิดโรคจิต ใช้กลไกความร่วมมือและช่วยเหลือกันระหว่างสถานบริการทุกระดับ โดยเพิ่มการบริการตรวจรักษาผู้ป่วยจิตเวช ทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน ที่โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป มีเตียงฉุกเฉินรับผู้ป่วยจิตดูแลรักษาภายใน 3 - 5 วันอย่างน้อยเขตสุขภาพละ 1 แห่ง สามารถบำบัดอาการเบื้องต้นก่อนส่งดูแลที่โรงพยาบาลเฉพาะทาง ขยายบริการสุขภาพจิตในโรงพยาบาลชุมชนจังหวัดละ 2 อำเภอ และกระจายยารักษาโรคจิตเวชประมาณ 35 รายการทุกจังหวัด เพื่อให้ผู้ป่วยกินยาควบคุมอาการอย่างต่อเนื่อง และให้กรมสุขภาพจิตจัดอบรมแพทย์ พยาบาล อสม. แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัย และรักษาจนอาการสงบ ดูแลและติดตามผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องเมื่อกลับสู่ชุมชน
สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยผู้ป่วยโรคจิตเข้าถึงบริการร้อยละ 42 ขณะที่อเมริกา ยุโรป เข้าถึงร้อยละ 43 ส่วนโรคซึมเศร้า คนไทยเข้าถึงร้อยละ 37 ส่วนที่อเมริกายุโรปเข้าถึงร้อยละ 43 ผลสำรวจในปี 2551 ไทยมีผู้ป่วยโรคจิตร้อยละ 0.8 หรือประมาณ 530,000 คน
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่