หมอต่อมไร้ท่อ ชี้ “โรคอะโครเมกาลี” เกิดจากเนื้องอกต่อมใต้สมอง ทำหลั่งโกรว์ธฮอร์โมนมาก ร่างกายเจริญเติบโตผิดปกติ ลิ้นคับปาก มือเท้าใหญ่ ปากใหญ่ คางยื่น หัวใจและตับโต เผย เป็นโรคหายาก วินิจฉัยได้ยาก จัดทำโครงการช่วยผู้ป่วยโรคอะโครเมกาลีเข้าถึงการรักษามากขึ้น
รศ.นพ.ธวัชชัย พีรพัฒน์ดิษฐ์ นายกสมาคมต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โรคอะโครเมกาลี (Acromegaly) เป็นหนึ่งในโรคหายาก (Rare Disease) ที่มีความรุนแรงต่อชีวิต สามารถทำให้ผู้ป่วยมีอัตราเสียชีวิตสูงเป็น 2-4 เท่าของคนปกติ ซึ่งสังคมไทยควรเร่งหันมาตระหนักถึงความสำคัญ และให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยโรคอะโครเมกาลี มีสาเหตุมาจากเนื้องอกของต่อมใต้สมอง ส่งผลให้ร่างกายผู้ป่วยสร้างโกรว์ธฮอร์โมน (Growth Hormone) มากกว่าคนปกติทั่วไป เมื่อมีภาวะดังกล่าวในช่วงวัยผู้ใหญ่ก็ส่งผลให้เนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกายค่อยๆ เจริญเติบโตอย่างผิดปกติ เช่น มือเท้าใหญ่หยาบกร้านขึ้น เสียงเปลี่ยน ลิ้นคับปาก หน้าตาเปลี่ยน คิ้วโหนกขึ้น จมูกใหญ่ขึ้น คางยื่นขึ้น ปากใหญ่ขึ้น ฟันห่าง เป็นต้น
“นอกจากจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ลักษณะภายนอกร่างกายแล้ว โกรว์ธฮอร์โมนยังสามารถกระตุ้นให้เกิดความผิดปกติของระบบต่างๆ ภายในร่างกายได้อีกด้วย อาทิ หัวใจและตับจะโตมากขึ้น ข้อจะเสื่อมเร็ว หลังโก่ง รวมถึงมีโรคอื่นๆ ตามมา เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจโต อย่างไรก็ตาม อาการของโรคจะแสดงออกอย่างช้าๆ ทั้งยังอาจมีอาการบางอย่างที่ทำให้คิดได้ว่าเป็นโรคอื่นๆ ประกอบกับเป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยนัก จึงทำให้โรคอะโครเมกาลีนี้จัดเป็นโรคที่วินิจฉัยได้ยากโรคหนึ่ง” รศ.นพ.ธวัชชัย กล่าว
ด้าน ศ.นพ.ชัยชาญ ดีโรจนวงศ์ ประธานวิชาการ สมาคมต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรป มีรายงานความชุกของโรคอะโครเมกาลีประมาณ 50 ราย ต่อประชากร 1 ล้านคน นับได้ว่าเป็นหนึ่งในโรคหายาก เนื่องจากมีอัตราการพบผู้ป่วยจำนวนน้อยกว่า 5 ราย ในประชากร 10,000 คน สำหรับประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลที่ทำการศึกษาชัดเจน แต่คาดการณ์ว่า อาจจะมีผู้ป่วยโรคนี้ทั้งหมดเกือบ 3,000 รายทั่วประเทศ โดยในช่วงปีที่ผ่านมาทางสมาคมต่อมไร้ท่อได้ทำการศึกษาผู้ป่วยโรคเนื้องอกต่อมใต้สมองที่ได้รับการรักษาในโรงเรียนแพทย์ในประเทศไทย จำนวน 11 แห่ง พบว่า มีจำนวนผู้ป่วยในกลุ่มเนื้องอกต่อมใต้สมองที่สร้างฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth Hormone) ประมาณร้อยละ 14.7
“การผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกออกเป็นทางเลือกแรกของการรักษาโรคอะโครเมกาลี เนื่องจากผู้ป่วยมีโอกาสหายขาดได้ แต่สำหรับผู้ป่วยบางรายที่เนื้องอกมีขนาดใหญ่มากอาจไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือผ่าตัดออกได้ไม่หมด ซึ่งแพทย์จะพิจารณาการรักษาถัดไป ได้แก่ การฉายแสงและการใช้ยาเพื่อลดและควบคุมระดับฮอร์โมน หรืออาจใช้การฉายแสงควบคู่ไปกับการให้ยาด้วย เป็นต้น” ศ.นพ.ชัยชาญ กล่าว
ผศ.นพ.ธิติ สนับบุญ หัวหน้าสาขาวิชาต่อมไร้ท่อและเมตะบอลิสม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่าผู้ป่วยโรคอะโครเมกาลีจำนวนมากยังคงมีอุปสรรคในการเข้าถึงยารักษาโรค แม้ว่าจะมีอาการของโรคที่รุนแรงมากแล้วก็ตาม เนื่องจากความรู้เกี่ยวกับโรคอะโครเมกาลีในสังคมไทยยังมีอยู่อย่างจำกัด ถือได้ว่าเป็นอีกสาเหตุสำคัญจนทำให้ผู้ป่วยละเลยการตรวจสอบตนเองเบื้องต้น ส่งผลให้ได้รับการวินิจฉัยที่ล่าช้าและเมื่อมาพบแพทย์ก็มักมีอาการที่รุนแรงเป็นอย่างมาก สมาคมต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย จึงร่วมมือกับสาขาวิชาต่อมไร้ท่อและเมตะบอลิสม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ บริษัท โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) จำกัด ริเริ่มโครงการ “ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคอะโครเมกาลีในประเทศไทย” สำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาด้วยยาได้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 60 พรรษา โดยมีระยะเวลาจัดทำโครงการ 5 ปี ซึ่งได้เริ่มดำเนินการไป เบื้องต้นแล้วและมีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 21 ธันวาคม 2563 ซึ่งคาดหวังว่า จะช่วยให้ผู้ป่วยโรคอะโครเมกาลีสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นปกติ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป ทั้งยังเป็นการแบ่งเบาภาระด้านค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ป่วยและครอบครัวอีกด้วย