ตรัง - ชาวบ้านทั้งใน และต่างจังหวัดแห่กันไปรักษาที่คลินิกของ “คุณหมอหนุ่มชาวตรัง” วันละกว่า 200-300 คน เพราะใจดี ตั้งใจที่จะรักษาคนป่วย และคิดค่ารักษาถูก ด้านเจ้าตัวเผยจะขอทำดีเช่นนี้ตลอดไป
วันนี้ (13 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้วยยอดรวมแพทย์คลินิก ซึ่งเปิดเป็น 2 คูหาติดกัน ตั้งอยู่เลขที่ 199-200 ถนนเพชรเกษม ต.เขากอบ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หรือบริเวณ 4 แยกอันดามัน (ฝั่งขาเข้า) ปรากฏว่า ได้มีชาวบ้านทั้งใน และต่างจังหวัดมารอรับบริการจากคลินิกแห่งนี้กันอย่างแน่นขนัด ไม่ต่ำกว่าวันละ 200-300 คน เนื่องจากมีเสียงร่ำลือแบบปากต่อปากกันว่า นพ.วิโรจน์ ทองโอเอี่ยม แพทย์ผู้ชำนาญด้านโรคทั่วไป ซึ่งเป็นเจ้าของคลินิกแห่งนี้ นอกจากจะใจดีแล้ว ยังคิดค่ารักษาพยาบาลในราคาถูก แถมบริการดีเยี่ยมอีกด้วย ทำให้ผู้ป่วยทั้งใกล้ และไกลทั้งใน จ.ตรัง หรือใกล้เคียงเดินทางมาขอรับการรักษากันอย่างไม่ขาดสาย
จากการสอบถามผู้ป่วย รวมถึงญาติที่มารอรับบริการต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกประทับใจ เพราะคุณหมอใจดี มีน้ำใจ และตั้งใจที่จะรักษาคนป่วยแบบไม่ค้ากำไรจนเกินไป บางคนป่วยไปโรงพยาบาลรักษาไม่หาย แต่พอมาที่คลินิกแห่งนี้อาการกลับดีขึ้น ซึ่งถ้าดูชนิดของยาที่ได้รับชาวบ้านบอกว่า คุณภาพก็เหมือนกันกับโรงพยาบาลรัฐ และเอกชนทั่วไป แต่ต่างกันที่ราคาที่ถูกมาก หรือสูงสุดไม่เกิน 280 บาท รวมทั้งค่าฉีดยา ค่าเอกซเรย์ ค่าตรวจเลือด และให้ยากลับไปรับประทานที่บ้านอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หากผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยรายใดถ้าไม่มีเงิน คุณหมอรายนี้ก็จะรักษาให้ฟรี ในขณะที่บางคนมาขอรับการรักษาด้วยการนำสิ่งของที่หาได้จากบ้าน เช่น ผัก ผลไม้ หรืออาหารสด ที่หาได้ในแต่ละวันมาตอบแทนเป็นค่ารักษาก็มี ทำให้แต่ละวันมีผู้ป่วยมารอรับบริการเป็นจำนวนมาก สำหรับห้วยยอดรวมแพทย์คลินิก จะเปิดให้บริการวันละ 2 รอบ คือ ในรอบเช้า เวลา 07.00-13.00 น. และรอบบ่าย ในเวลา 15.00-20.00 น. หรือจนกว่าคนไข้จะหมดทุกวัน
นพ.วิโรจน์ ทองโอเอี่ยม วัย 38 ปี ซึ่งมีภูมิลำเนาเป็นชาว อ.วังวิเศษ จ.ตรัง กล่าวว่า ตนเปิดคลินิกนี้มาเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว ตั้งใจให้ชาวบ้านมารักษาในราคาที่เป็นธรรม มีค่ายาไม่แพงจนเกินไป มีวิธีการรักษาที่ถูกต้อง และหายจากการอาการป่วยได้อย่างรวดเร็ว เพราะตนคิดว่า หากมีการคิดกันจริงๆ ต้นทุนของราคายารักษาโรคทั่วไปไม่ได้สูงอย่างที่คิด บางชนิดแค่เม็ดละ 0.50 สตางค์ ถึง 1 บาทเท่านั้น แต่สถานพยาบาลหลายแห่งกลับคิดราคาที่แพงเกินจริง ซึ่งเห็นว่าเป็นการเอาเปรียบกันเกินไป และตนเองก็อยากจะเป็นผู้ให้ ได้แบ่งปันแก่ชาวบ้าน หรือเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ป่วยอีกทางหนึ่ง
สำหรับค่าเอกซเรย์ที่ตนคิดราคาถูกกว่าที่อื่นได้นั้นเป็นเพราะตนได้ลงทุนจ้างโปรแกรมเมอร์มาออกแบบเครื่องมือในระบบดิจิตอล จนสามารถประมวลผลได้อย่างแม่นยำ และรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้ฟิล์มเอกซเรย์เหมือนสถานพยาบาลทั่วไป ซึ่งมีต้นทุนค่อนข้างสูง เนื่องจากเครื่องเอกซเรย์ของตนลงทุนแค่ครั้งเดียว แต่สามารถรักษาผู้ป่วยได้ผลดีไม่แพ้ระบบเดิม อย่างไรก็ตาม ตนก็จะให้บริการที่คลินิกในลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ และตลอดไป แม้ว่าค่ารักษาจะถูกกว่าที่อื่นมาก โดยเฉพาะค่าวินิจฉัยโรคผู้ป่วยจะคิดแค่คนละ 30 บาทเท่านั้น เพราะแค่นี้ตนก็อยู่ได้แล้ว และอย่างน้อยที่สุดก็ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน