นครพนม - รันทด 4 ชีวิตหญิงล้วนพักอาศัยกลางเมืองนครพนมในบ้านจวนพัง อาศัยเงินผู้สูงอายุเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง หลังเสาหลักของบ้านป่วยต่อมน้ำเหลืองบกพร่อง แม้แต่เงินไปทำแผลยังไม่มี ซ้ำลูกสาววัย 16 ปีกำลังเรียนหนังสือบางวันไม่มีเงินติดตัวไปโรงเรียน วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ
รายงานข่าวแจ้งว่า พบครอบครัวหนึ่ง อยู่บ้านเลขที่ 163 คุ้มศรีเทพทุ่ง ถนนราชวงศ์ ซอย 7 เขตเทศบาลเมืองนครพนม ใกล้กับโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ กำลังประสบปัญหาชีวิตอย่างแร้นแค้นยากจน ซ้ำสมาชิกภายในครอบครัวซึ่งเป็นเสาหลักยังต้องล้มป่วย
โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านชั้นเดียวยกพื้นสูง สภาพจะพังมิพังแหล่ พื้นดินมีร่องรอยการแตกระแหงเนื่องจากช่วงฤดูฝนถูกน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน บนบ้านพบนางคำถนอม ศรีษะ อายุ 64 ปี กำลังปรนนิบัติดูแลนางกองแพง ศรีษะ อายุ 86 ปี ซึ่งเป็นมารดาที่ป่วยเป็นอัมพาตช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ นั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในมุ้งภายในห้องที่มีสภาพรกรุงรัง
ข้างนอกซึ่งเป็นห้องโล่งมี นางจินตนา พลชำนิ อายุ 46 ปี ร่างกายผอมเกร็ง ตามตัวมีพลาสเตอร์แปะแผลตั้งแต่หัวจดเท้า สีหน้าและดวงตาเศร้าละห้อย มี น.ส.สุภาวดี พลชำนิ อายุ 16 ปี ลูกสาว ซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนเทศบาล 3 คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ถัดไปก็เป็นครัวสำหรับทำอาหาร ห้องน้ำไม่มีประตูและฝากั้น ใช้แผ่นป้ายไวนีลเป็นฉากบัง หลังคาสังกะสีเก่าผุพังเป็นรูโหว่จนต้องใช้วัตถุมาปิดทับกันน้ำฝนหยดใส่
นางจินตนาเล่าว่า ก่อนจะล้มป่วยได้เลิกรากับสามีร่วม 10 ปี มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน คือ น.ส.สุภาวดี ตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป เป็นลูกจ้างเถ้าแก่ขายของอยู่ตลาดอินโดจีน ค่าแรงวันละ 200 บาท ต้นปี 2559 มีตุ่มแดงๆ ขึ้นมาที่แขน ไม่มีอาการคันแต่ปวดแสบปวดร้อน จนต้องอาศัยยาพาราเซตามอล ประมาณ 10 วันตุ่มนั้นก็แตกเป็นแผลมีน้ำหนองปนเลือดออกมา จึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลนครพนมรักษา
แต่พอแผลเก่าหายก็จะเกิดตุ่มใหม่ขึ้นมา อาการจะเป็นลักษณะเดียวกัน จนต้องลาออกจากงานมารักษาตัวเอง กระทั่งลุกลามตั้งแต่ศีรษะ ลำตัว แขน และเท้า เวลามีตุ่มจะปวดมากถึงขั้นนอนไม่หลับทุกข์ทรมานที่สุด แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบ
นางจินตนาบอกว่า เธอเป็นเสาหลักของบ้านที่หารายได้เพียงคนเดียว เมื่อเสาหลักของครอบครัวล้มป่วยจึงประสบปัญหาไปหมดทุกด้าน นางกองแพงก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เป็นทุนเดิม ตนยังมาป่วยอีกคน ภาระจึงตกเป็นของนางคำถนอมซึ่งเป็นพี่สาว ด้วยการอาศัยเงินผู้สูงอายุ 2 คนรวมกันแต่ละเดือนเป็นเงิน 1,400 บาท แต่ทั้ง 4 ชีวิตก็อยู่กันอย่างลำบาก
นางคำถนอมจึงไปขอแบ่งพื้นที่ทำสวนจากคนที่รู้จักเพื่อปลูกผักมาขายในตลาด 2-3วันถึงจะนำมาขายได้เงินครั้งละ 2-3 ร้อยบาท จะนำเงินที่ได้มาแบ่งคนในบ้านใช้กัน บางครั้งนางจินตนาไม่มีเงินไปล้างแผลที่โรงพยาบาลครั้งละ 30 บาท ต้องขอหยิบยืมคนแถวนั้นไปพลางก่อนเสมอ
ส่วนทางด้านอาหารการกิน นางจินตนาจะกินได้เฉพาะเนื้อปลา แต่เพราะราคาแพงเกินไปจึงขอแบ่งซื้อจากแม่ค้าเฉพาะส่วนหัวมาต้มกินกันในครัวเรือน
สำหรับ น.ส.สุภาวดีจะได้เงินไปโรงเรียนวันละ 30 บาท ถ้าวันไหนไม่มีก็ต้องทนอดมองดูเพื่อนๆ กิน แต่ผลการเรียนถัวเฉลี่ย 3.29 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี กิจวัตรประจำวันต้องรีบกลับบ้านเพื่อพาแม่ไปล้างแผลทุกวัน
ขณะที่นางคำถนอมกล่าวด้วยเสียงที่สั่นเครือว่า หากตนเป็นอะไรไปตอนนี้ แม่ น้องสาว และหลานจะอยู่กันอย่างไร อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ขอเพียงให้ทุกคนมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าเดิมตนก็มีความสุขแล้ว ยิ่งเวลาน้องสาวปวดแผลตนและหลานจะแอบร้องไห้เสมอ
นางจินตนากล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำตานองหน้าว่าห่วงลูกสาวที่สุด แม้ตนจะเจ็บป่วยแสนสาหัสแค่ไหน หัวอกของผู้เป็นแม่อยากเห็นลูกอันเป็นที่รักมีการศึกษาที่ดียิ่งๆ ขึ้นไป วิงวอนผู้ใหญ่ช่วยเหลือด้านการศึกษาแก่ลูกสาวคนนี้ด้วย แม้ตายก็คงตายตาหลับแล้ว