อุบลราชธานี - ชาวนาใน อ.สำโรง จ.อุบลราชธานี เลิกทำนาแบบทุนนิยม หันมาทำเกษตรตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพียง 5 ปีปลดหนี้สินจากการทำนากว่า 10 ปี และมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะนำเพียงเศษเสี้ยวที่ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงสอนมาปฏิบัติ
นายโชคชัย พงษ์สุวรรณ อายุ 50 ปี เกษตรกรบ้านโนนจาน หมู่ 1 ต.ขามป้อม อ.สำโรง จ.อุบลราชธานี ซึ่งอดีตไปขายแรงงานอยู่ภาคใต้ของประเทศไทยนานนับสิบปี ต่อมาตัดสินใจกลับบ้านเกิดที่อำเภอสำโรง มาทำนาปลูกข้าวเมื่อปี 2544 โดยปลูกข้าวในที่ดินของตนเองประมาณ 5 ไร่ และยังเช่าที่นาของคนอื่นมาทำ เพราะต้องการได้เงินมากๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปราว 10 ปีมีหนี้สินพอกพูนจากการทำนากว่า 1 แสนบาท
กระทั่งต่อมาศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนอำเภอสำโรงมีการจัดอบรมทำเกษตรกรรมตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยชาวนาบางคนที่เข้าร่วมโครงการมีที่ดินแค่ 1-2 ไร่ยังใช้เลี้ยงครอบครัวได้ เมื่อคิดได้จึงทดลองนำพ่อแม่พันธุ์จิ้งหรีดที่ซื้อจากตลาดมาทดลองเลี้ยง โดยเริ่มจากการเลี้ยงทีละน้อยๆ เพื่อเรียนรู้ปัญหาการเลี้ยงจิ้งหรีดแล้วไม่ได้ผลจะได้ไม่ขาดทุนมาก พร้อมสอบถามคนที่เคยเลี้ยงจิ้งหรีดแล้วล้มเหลวผ่านเฟซบุ๊ก
และถามคนที่เลี้ยงแล้วได้ผลดี เพื่อนำข้อมูลมาปรับใช้จนเลี้ยงได้ผลดี จึงขยายพื้นที่การเลี้ยงมากขึ้น ปัจจุบันเลี้ยงจิ้งหรีดขาย 2 สายพันธุ์ คือ จิ้งหรีดขาว และจิ้งหรีดดำ ขายกิโลกรัมละ 200 บาท โดย 45 วันเก็บผลผลิตขายได้ 10,000-12,000 บาทต่อรุ่น ทำให้จากที่เคยมีหนี้สินกว่า 1 แสนบาท ผ่านไป 5 ปีนอกจากปลดหนี้สินได้ทั้งหมด ยังสามารถสร้างบ้านหลังใหม่มูลค่ากว่า 3 แสนบาท
ปัจจุบันครอบครัวมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น นอกจากเลี้ยงจิ้งหรีด ขณะนี้ยังขุดบ่อเลี้ยงปลานิล ปลูกกล้วยน้ำว้า และทำนาในเนื้อที่ 5 ไร่ที่มีอยู่ ไม่ดิ้นรนเพิ่มภาระเหมือนอดีต
ปัจจุบันไร่นาสวนผสมของนายโชคชัยถูกใช้เป็นสถานที่เรียนรู้งานด้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามหลักคิดที่ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ได้ทรงสอนไว้ คือ ทำจากน้อยๆ ทำจากใจ
“ชีวิตผมไม่จำเป็นต้องเอาสิ่งที่พระองค์ท่านสอนมาทั้งหมด เอามาเพียงแค่เศษเสี้ยวนิดเดียวที่พระองค์สอน ก็มีชีวิตสบายขึ้นกว่าก่อน โดยเริ่มทำจากน้อยๆ พอเลี้ยงคนในครอบครัว เมื่อมีเหลือค่อยเอาออกขายเหมือนตามที่พระองค์ท่านได้สอนไว้” นายโชคชัย เกษตรกรตัวอย่างผู้ยึดหลักคำสอนของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จนพลิกฟื้นชีวิตจากเป็นคนมีหนี้สินมามีชีวิตสุขสบายขึ้นในวันนี้กล่าวในที่สุด
