หนองคาย - กลุ่มผู้เลี้ยงปลานิลกระชังในแม่น้ำโขง จ.หนองคาย เร่งมือทำปลานิลแดดเดียว ก่อนส่งมอบให้ผู้ว่าฯ หนองคาย พรุ่งนี้รอบแรก 200 กิโลกรัม ส่งเข้ากรุงเทพฯ เป็นอาหารสำหรับผู้ไปสักการะพระบรมศพ ขณะที่ผู้เลี้ยงปลานิลทั้งจังหวัดพร้อมใจกันสมทบเดิมตั้งเป้า 3,000 กิโลกรัม ยอดพุ่งเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 7,000 กิโลกรัม
วันนี้ (2 พ.ย. 59) ที่ร้านอาหารทองไทย อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายกษิดิศ พ่อค้าไทย ได้นำสมาชิกกลุ่มผู้เลี้ยงปลานิลกระชังในแม่น้ำโขง อ.ท่าบ่อ ทำการแปรรูปปลานิลที่เลี้ยงไว้ทำปลานิลแดดเดียว และบรรจุใส่ถุงสุญญากาศ ถุงละ 1 กก. โดยนายสาธิต คำกองแก้ว ประมงอำเภอท่าบ่อ นายบุญสัน อนารัตน์ ผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอท่าบ่อ ได้เข้าดูแลการแปรรูปเพื่อให้ได้คุณภาพและถูกสุขอนามัยที่สุด
นายกษิดิศกล่าวว่า กลุ่มผู้เลี้ยงปลานิลกระชังในแม่น้ำโขงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานพันธุ์ปลานิลให้เกษตรกรได้เลี้ยงจนมีอาชีพ มีรายได้มาจนถึงทุกวันนี้ เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคต พวกตนรู้สึกเศร้าเสียใจมากและอยากแสดงออกถึงความจงรักภักดี แต่ไม่มีอะไรจะตอบแทนพระองค์ท่านได้ จึงได้หารือกับเจ้าหน้าที่ประมงและได้ข้อสรุปว่าจะนำปลานิลที่เลี้ยงไว้มาทำปลานิลแดดเดียวส่งช่วยเป็นคลังอาหาร โดยประสานกับกลุ่มผู้เลี้ยงปลานิลในจังหวัดหนองคาย ตั้งเป้าไว้ 3,000 กิโลกรัม ช่วงเวลาแค่สัปดาห์เดียวผู้เลี้ยงปลานิลได้แจ้งยอดที่จะนำปลานิลเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ได้ 7,000 กิโลกรัม นับเป็นเสียงตอบรับและเป็นเสียงสะท้อนว่าผู้เลี้ยงปลานิลทุกคนต้องการที่จะแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
ด้านนายสาธิต คำกองแก้ว ประมงอำเภอท่าบ่อ กล่าวว่า ทางประมงและกลุ่มผู้เลี้ยงปลานิลกระชัง จะนำปลานิลแดดเดียวที่ได้นี้ มอบต่อนายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ในวันที่ 3 พ.ย. 59 เป็นรอบแรก จำนวน 200 กิโลกรัม จากนั้นทางจังหวัดจะส่งต่อไปยังกรุงเทพฯ เพื่อนำไปประกอบอาหารสำหรับประชาชนที่เดินทางไปสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
ขณะที่นายบุญสัน อนารัตน์ ผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอท่าบ่อ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้ติดตามดูการแปรรูปปลานิลแดดเดียวพบว่า ทุกขั้นตอนทำถูกสุขลักษณะ ถูกสุขอนามัย รับประทานได้ รสชาติอร่อย ผู้ที่ได้รับประทานมั่นใจในคุณภาพได้
วันนี้ (2 พ.ย. 59) ที่ร้านอาหารทองไทย อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายกษิดิศ พ่อค้าไทย ได้นำสมาชิกกลุ่มผู้เลี้ยงปลานิลกระชังในแม่น้ำโขง อ.ท่าบ่อ ทำการแปรรูปปลานิลที่เลี้ยงไว้ทำปลานิลแดดเดียว และบรรจุใส่ถุงสุญญากาศ ถุงละ 1 กก. โดยนายสาธิต คำกองแก้ว ประมงอำเภอท่าบ่อ นายบุญสัน อนารัตน์ ผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอท่าบ่อ ได้เข้าดูแลการแปรรูปเพื่อให้ได้คุณภาพและถูกสุขอนามัยที่สุด
นายกษิดิศกล่าวว่า กลุ่มผู้เลี้ยงปลานิลกระชังในแม่น้ำโขงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานพันธุ์ปลานิลให้เกษตรกรได้เลี้ยงจนมีอาชีพ มีรายได้มาจนถึงทุกวันนี้ เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคต พวกตนรู้สึกเศร้าเสียใจมากและอยากแสดงออกถึงความจงรักภักดี แต่ไม่มีอะไรจะตอบแทนพระองค์ท่านได้ จึงได้หารือกับเจ้าหน้าที่ประมงและได้ข้อสรุปว่าจะนำปลานิลที่เลี้ยงไว้มาทำปลานิลแดดเดียวส่งช่วยเป็นคลังอาหาร โดยประสานกับกลุ่มผู้เลี้ยงปลานิลในจังหวัดหนองคาย ตั้งเป้าไว้ 3,000 กิโลกรัม ช่วงเวลาแค่สัปดาห์เดียวผู้เลี้ยงปลานิลได้แจ้งยอดที่จะนำปลานิลเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ได้ 7,000 กิโลกรัม นับเป็นเสียงตอบรับและเป็นเสียงสะท้อนว่าผู้เลี้ยงปลานิลทุกคนต้องการที่จะแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
ด้านนายสาธิต คำกองแก้ว ประมงอำเภอท่าบ่อ กล่าวว่า ทางประมงและกลุ่มผู้เลี้ยงปลานิลกระชัง จะนำปลานิลแดดเดียวที่ได้นี้ มอบต่อนายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ในวันที่ 3 พ.ย. 59 เป็นรอบแรก จำนวน 200 กิโลกรัม จากนั้นทางจังหวัดจะส่งต่อไปยังกรุงเทพฯ เพื่อนำไปประกอบอาหารสำหรับประชาชนที่เดินทางไปสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
ขณะที่นายบุญสัน อนารัตน์ ผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอท่าบ่อ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้ติดตามดูการแปรรูปปลานิลแดดเดียวพบว่า ทุกขั้นตอนทำถูกสุขลักษณะ ถูกสุขอนามัย รับประทานได้ รสชาติอร่อย ผู้ที่ได้รับประทานมั่นใจในคุณภาพได้