ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวบ้านแหลมฉบังขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาลานพักตู้คอนเทนเนอร์ ลานจอดรถหัวลากในพื้นที่ชุมชน ที่ผิดกฎหมาย พร้อมเตรียมทำหนังสือถึงรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายสนธิ คชวัฒน์ ประธานคณะกรรมการกำกับการศึกษาฯ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการประชุมหารือร่วมกับประชาชนโดยรอบท่าเรือแหลมฉบัง โดยได้มีการพิจารณาข้อห่วงกังวลต่อปัญหาและผลกระทบที่พบในชุมชนที่อาศัยโดยรอบท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งภาคประชาชนได้จัดทำประชาคม และนำเสนอข้อห่วงกังวลให้การท่าเรือแหลมฉบัง และที่ปรึกษานำไปศึกษา เช่น การสูญเสียที่ทำมาหากินของชาวประมงท้องถิ่นดั้งเดิมทั้งทางบกทาง ทางทะเล การกัดเซาะชายฝั่งทะเล การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ และสิ่งแวดล้อมชายฝั่ง การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ปัญหาการจราจรในเขตชุมชน ความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุจากรถพ่วง และรถคอนเทนเนอร์ เป็นต้น
โดยปัญหาใหญ่ที่ภาคประชาชนห่วงใยอย่างมากในปัจจุบันคือ ปัญหาการวางกองลานพักตู้คอนเทนเนอร์ ลานจอดรถหัวลากในพื้นที่ชุมชนจำนวนมาก ทั้งเทศบาลแหลมฉบัง เทศบาลสุรศักดิ์ เทศบาลตะเคียนเตี้ย โดยเจ้าของกิจการได้ไปเช่าที่ดินของชุมชนทำเป็นลานกองตู้สร้างความเดือดร้อนทั้งฝุ่นละอองจากการไม่ได้เทพื้นคอนกรีต เสียงดังทั้งกลางวันกลางคืน ความสั่นสะเทือน โดยมีประชาชนร้องเรียนไปยังเทศบาลจำนวนมาก
ด้าน น.ส.สุนทรี มั่นเจริญ ผู้อำนวยการส่งเสริมสาธารณสุขฯ เทศบาลนครแหลมฉบัง เผยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า ทางเทศบาลฯ ทำได้เพียงสั่งปรับครั้งละ 2,000 บาท ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 เท่านั้น เนื่องจากตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 มาตรา 31 และ 32 กำหนดให้รัฐมนตรี โดยคำแนะนำของคณะกรรมการสาธารณสุขมีอำนาจประกาศกำหนดให้กิจการใดเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพก่อนราชการส่วนท้องถิ่นจึงมีอำนาจออกข้อกำหนดท้องถิ่นให้เป็นกิจการที่ต้องมีการควบคุมภายในท้องถิ่นนั้น และสามารถกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการควบคุมได้
จนกระทั่งปัจจุบัน กระทรวงสาธารณสุขยังไม่มีการพิจารณาให้การวางกองลานพักตู้คอนเทนเนอร์ ลานจอดรถหัวลากเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทั้งๆ ที่มีการยื่นเรื่องให้พิจารณาตั้งแต่ พ.ศ.2554 แล้ว ทำให้เทศบาลไม่สามารถออกเทศบัญญัติมาควบคุมได้
ล่าสุด ทางเทศบาลฯ ได้ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ให้พิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาจากลานจอดรถหัวลาก และลานวางตู้สินค้า ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2559 โดยขอให้เพิ่มกิจการทั้ง 2 ประเภทเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ได้ส่งให้กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเสนอคณะกรรมการสาธารณสุขพิจารณาออกประกาศดังกล่าวภายในเดือนเดียวกัน
จนปัจจุบันยังไม่มีคำตอบจากกรมอนามัยแต่อย่างใด ทำให้ประชาชนในพื้นที่เดือดร้อนอย่างมาก เทศบาลนครแหลมฉบัง ทำได้เพียงตักเตือน และปรับตามกฎหมายไม่เกิน 2,000 บาทเท่านั้น แต่หากมีการประกาศเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ก็จะทำให้สามารถควบคุม กำกับ ดูแลกิจการประเภทดังกล่าวได้ตั้งแต่การขออนุญาต การเลือกที่ตั้ง รวมทั้งการกำหนดเงื่อนไขในใบอนุญาตได้ต่อไป
