MGR Online - ดีเอสไอส่งตัว 26 ผู้ต้องหาพร้อมสำนวน 141 แฟ้ม คดีแชร์ตู้คอนเทนเนอร์ฉ้อโกงประชาชนกว่า 600 ล้านบาทให้อัยการ
วันนี้ (18 ต.ค.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เวลา 14.00 น. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ได้มอบหมายให้สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 นำโดย พ.ท.ประจวบ ปากคลอง เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการพิเศษ พาตัวผู้ต้องหาจำนวน 26 ราย จากจำนวน 36 รายในคดีแชร์ตู้คอนเทนเนอร์ พร้อมส่งสำนวนจำนวน 141 แฟ้มให้พนักงานอัยการ และขอให้พนักงานอัยการร้องขอต่อศาลขอให้เรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 ณ สำนักงานคดีพิเศษ ถนนรัชดาภิเษก
คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากบริษัท เค.เอส.มารีน แอนด์กอฟเวอร์เนอร์ เซอร์วิส จำกัด ตั้งอยู่ที่ ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี กับพวก ได้ชักชวนให้ประชาชนนำเงินมาร่วมลงทุนกับบริษัทฯ เพื่อนำตู้คอนเทนเนอร์ไปให้บุคคลอื่นเช่าอีกทอดหนึ่ง โดยบริษัทอ้างว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ร่วมลงทุนในระยะเวลา 48-60 เดือน หรือ 4-5 ปี ตามสัญญา ช่วงแรกพบว่ามีการจ่ายผลตอบแทนด้วยดีมาโดยตลอด แต่ภายหลังบริษัทอ้างว่าขาดสภาพคล่องทางการเงินและไม่จ่ายค่าตอบแทนให้แก่สมาชิกได้ มีผู้เสียหายจำนวน 2,529 คน คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 634 ล้านบาทเศษ พฤติการณ์เข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ หรือการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และมีความซับซ้อน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจและความสงบเรียบร้อยของประชาชน เนื่องจากมีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมากจึงเข้าข่ายอาชญากรรมซึ่งเป็นคดีพิเศษ
ดีเอสไอจึงได้รับกรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ที่ 100/2558 เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2558 เพื่อสอบสวนดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดและติดตามทรัพย์ และได้สอบสวนเสร็จ มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาจำนวน 36 ราย ในความผิดร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และดำเนินการอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาไว้ ประมาณ 150 ล้านบาท รวมทั้งขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดและขอให้คุ้มครองสิทธิผู้เสียหายตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และได้แจ้งปลัดกระทรวงการคลังเพื่อให้สั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้ให้กู้ยืมเงินที่เป็นผู้ต้องหาว่าได้กระทำความผิดตามมาตรา 4 และมาตรา 5 แห่งพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และส่งให้พนักงานอัยการฟ้องผู้กู้ยืมเงินเป็นบุคคลล้มละลาย ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 8 และมาตรา 10
ดีเอสไอจึงขอฝากเตือนไปยังประชาชนให้ระมัดระวังในการชักชวนให้ลงทุนที่อ้างว่ามีผลตอบแทนสูงกว่าอัตราที่สถาบันการเงินพึงจ่ายได้ ดังนั้น เพื่อเป็นข้อเตือนใจสำหรับประชาชนหรือผู้นิยมการลงทุนในรูปแบบลักษณะดังกล่าวขอให้ตรวจสอบความเป็นมาของบริษัทก่อนว่ามีการจัดตั้งขึ้นมาเป็นการเฉพาะหรือมีความมั่นคงในการดำเนินกิจการมาอย่างยาวนานหรือไม่ อย่างไร ประกอบกับการลงทุนผ่านระบบอินเทอร์เน็ตที่บุคคลใดๆ สามารถสร้างรูปแบบให้ดูน่าเชื่อถือ แต่ไม่อาจจับต้องหรือพิสูจน์ได้จริง รวมทั้งการให้ผลกำไรหรือปันผลที่มีอัตราสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดนั้น โดยส่วนใหญ่จะมีความสุ่มเสี่ยง เข้าข่ายการหลอกลวงให้ลงทุนในลักษณะแชร์ลูกโซ่
ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยว่าการลงทุนดังกล่าวเป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่ หรือเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อน ความเสียหายจากการถูกหลอกลวงให้ลงทุนในลักษณะดังกล่าว หรือมีข้อมูลหรือเบาะแส สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ดีเอสไอ เลขที่ 128 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210 โทร. 1202