ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ศาลเชียงใหม่อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีนักการเมืองท้องถิ่น-จนท.รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการปลอมบัตรประชาชนให้ “อาหลิว” ผู้ต้องหายักยอกเงินธนาคารจีนกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งยืดเยื้อมานาน 16 ปี สั่งลงโทษจำคุก 3 ผู้ต้องหา โดย “เสี่ยตุ้ม” อดีตเทศมนตรีฝ่ายช่างเทศบาลนครเชียงใหม่ โดน 4 ปี ขณะที่ “เสี่ยหมี” อดีต ส.ท.เทศบาลนครเชียงใหม่ โดน 3 ปี ส่วนอีกรายโดน 5 ปี
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า วันนี้ (3 ต.ค. 59) ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการนัดอ่านคำตัดสินศาลฎีกาคดีดำ เลขที่ 5868/2543 ฐานความผิดต่อเจ้าพนักงานคดีเจ้าหน้าที่รัฐพัวพันปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนราษฎร์ให้ “อาหลิว” หรือ เฉิน หมั่น ซุง ผู้ต้องหายักยอกเงินจากธนาคารกลางจีนกว่า 20,000 ล้านบาท
โดยในวันนี้ได้มีการนัดอ่านคำตัดสินในห้องพิจารณาคดีที่ 13 ซึ่งโจทก์คือพนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ยื่นฟ้องต่อจำเลยมีจำนวน 7 คน ประกอบด้วย จำเลยที่ 1 นายพูลสวัสดิ์ วรวัลย์ หรือ “เสี่ยตุ้ม” อดีตเทศมนตรีฝ่ายงานช่าง เทศบาลนครนครเชียงใหม่, จำเลยที่ 2 นายพิทักษ์ ตันติศักดิ์ หรือ “เสี่ยหมี” อดีต ส.ท.นครเชียงใหม่ จำเลยที่ 3 นายจรัส ณรงค์จันทร์ชัย อดีต ส.ท.นครเชียงใหม่, จำเลยที่ 4 นายสุรชัย จันทร์เป็ง, จำเลยที่ 5 นายบุญยัง ปัญจศีล, จำเลยที่ 6 นายสิงห์ทร เกสร และจำเลยที่ 7 นายประสิทธิ์ เจียมจิต
ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลานัดหมาย ผู้ต้องหาทั้งหมดได้เดินทางมาที่ศาลเพื่อรอฟังการพิจารณาคดี เว้นแต่นายบุญยัง ปัญจศีล จำเลยที่ 5 ไม่ได้เดินทางมา แต่ได้มีการมอบหมายให้ทนายมายื่นร้องต่อศาล เนื่องจากนายบุญยังมีอายุมากและไม่สามารถเดินได้ จึงไม่สามารถเดินทางมารับฟังการพิจารณาคดีในครั้งนี้ได้ ซึ่งทางศาลได้มีการพิเคราะห์แล้วจึงมีมติให้อ่านคำพิพากษาลับหลัง ซึ่งศาลฎีกาได้มีคำสั่งให้จำคุกจำเลยที่ 1 นายพูลสวัสดิ์ วรวัลย์ หรือเสี่ยตุ้ม 4 ปี, จำเลยที่ 2 นายพิทักษ์ ตันติศักดิ์ 3 ปี และจำเลยที่ 7 นายประเสริฐ เจียมจิต 5 ปี ส่วนจำเลยที่ 3, 4, 5 และ 6 ศาลยกฟ้อง
รายงานแจ้งว่า หลังจากที่ศาลได้มีการอ่านคำตัดสินเสร็จสิ้น ทางเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้งสามคนไปยังห้องฝากขังชั่วคราวภายในศาล โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยญาติๆ ของผู้ต้องหาที่ได้นำสิ่งของเครื่องใช้มาให้ โดยมีเจ้าหน้าที่คุมเข้มอย่างแน่นหนา ทั้งนี้ในเวลา 17.00 น. ทางเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์จะได้มารับตัวผู้ต้องหาทั้งหมดเพื่อนำไปส่งยังเรือนจำกลางเชียงใหม่ต่อไป
สำหรับการตัดสินคดีดังกล่าวนี้สืบเนื่องจากกรณีเมื่อปี 2543 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดเชียงใหม่ได้รับการประสานจากทางการของประเทศจีนและองค์กรตำรวจสากล ให้จับกุมตัวนายอาหลิว หรือ เฉิน หมั่น ซุง อาชญากรข้ามชาติยักยอกเงินธนาคารกลางจีนกว่า 400 ล้านหยวน หรือประมาณ 20,000 ล้านบาท แล้วหลบหนีมาที่จังหวัดเชียงใหม่ก่อนที่จะทำการ ปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนราษฎร และจ้างวานเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ได้มาซึ่งเอกสารของทางราชการ
โดยนายอาหลิวนั้นได้หลบหนีเข้าประเทศไทยทางช่องทางจังหวัดเชียงราย เมื่อปี 2538 และได้ตีสนิทข้าราชการไทยไปจนถึงนักการเมืองระดับชาติ จนสามารถทำบัตรประชาชนไทย 2 ใบใช้ชื่อ “สุก ตาจง” และ “เลา แสนซุ้ง” และผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้าใหม่จนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ต่อมานายอาหลิวถูกจับกุมได้ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2543 และวันที่ 17 พ.ย. 2543 ศาลจังหวัดเชียงใหม่พิพากษาในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง ปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนราษฎร และจ้างวานเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ได้มาซึ่งเอกสารของทางราชการ รวมทั้งสิ้น 29 กระทงเหลือจำคุก 13 ปี 10 เดือน ก่อนที่ทางการจีนจะรอรับตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อที่ประเทศจีน
ขณะที่ขั้นตอนการทำบัตรประชาชนนั้นพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการประจำจำนวนมาก โดยนายอาหลิว ทำการหว่านเงินจำนวนมหาศาลเพื่อซื้อบัตรและทะเบียนราษฎรมา จนมีการขยายผลการจับกุมจับกุมข้าราชการ และนักการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่หลายคน ต่อมาวันที่ 23 พ.ค. 2550 ศาลเชียงใหม่พิพากษาจำคุกนักการเมืองท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน และนักธุรกิจในจังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดนครสวรรค์ และกรุงเทพฯ ขั้นหนักฐานร่วมกันปลอมแปลงออกบัตรประชาชนให้ “อาหลิว” โดยนายพูนสวัสดิ์ วรวัลย์ ศาลอุทธรณ์ให้ตัดสินจำคุก 4 ปี ส่วนนายพิทักษ์ ตันติศักดิ์ ให้จำคุก 5 ปี และนายประสิทธิ์ เจียมจิต ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นๆ ยกฟ้อง โดยคดีนี้ได้มีการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา จนมีการพิจารณาที่ตัดสินในวันนี้