เชียงใหม่ - ศาลฎีกานัดตัดสินคดีกลุ่มการเมืองท้องถิ่นเชียงใหม่ สวมบัตรประชาชน “อาหลิว-เฉิน หมั่นซุง” ผู้ต้องหายักยอกเงินธนาคารจีนกว่า 20,000 ล้าน เป็น “สุก ตาจง” คนตายที่นครสวรรค์ ก่อนย้ายเข้าเชียงใหม่ พร้อมเมียอีกคน แต่จำเลยที่ 2 ป่วย ต้องเลื่อนอ่านคำพิพากษาเป็นต้นเดือนตุลาฯ นี้แทน
วันนี้ (10 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ศาลฎีกาได้นัดอ่านคำพิพากษา คดี พ.ร.บ.ทะเบียนราษฎร และ พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชน กรณีสวมบัตรประชาชน “อาหลิว” หรือสุก ตาจง หรือเฉิน หมั่นซุง ที่ยักยอกเงินธนาคารกลางประเทศจีนมากกว่า 400 ล้านหยวน หรือกว่า 20,000 ล้านบาท แล้วหลบหนีมาอยู่ที่เชียงใหม่ อันโด่งดังเมื่อ 16 ปีก่อน และมีนักการเมืองท้องถิ่นที่ตกเป็นผู้ต้องหารวม 7 คน คือ จำเลยที่ 1 นายพูลสวัสดิ์ วรวัลย์ อดีตรองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่, จำเลยที่ 2 นายพิทักษ์ ตันติศักดิ์, จำเลยที่ 3 นายจรัส ณรงค์จันทร์ชัย, จำเลยที่ 4 นายสุรชัย จันทร์เป็ง, จำเลยที่ 5 นายบุญยัง ปัญจศีล, จำเลยที่ 6 นายสิงห์ทร เกสร และจำเลยที่ 7 นายประสิทธิ์ เจียมจิต
แต่จำเลยที่ 2 คือ นายพิทักษ์ ตันติศักดิ์ หรือเสี่ยหมี อดีตสมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่ ป่วยไม่สามารถเดินทางมาฟังคำพิพากษาได้ โดยมีทนายความนำเอกสาร ใบรับรองแพทย์มายืนยัน ทางศาลฯ จึงได้เลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปเป็นต้นเดือนตุลาคม 2559
สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2543 ผู้ต้องหาทั้งหมดตกเป็นจำเลยให้ความช่วยเหลืออาหลิว หมั่นซุง หรือเฉิน หมั่นซุง ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่ยักยอกเงินธนาคารกลางประเทศจีนมากกว่า 400 ล้านหยวน หรือกว่า 20,000 ล้านบาท มาอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และสวมบัตรประชาชนเป็น “นายสุก ตาจง”
โดยขณะนั้นมีกลุ่มจำเลยให้ความช่วยเหลือในการสวมบัตรประชาชนปลอม โดยสวมชื่อคนตายที่จังหวัดนครสวรรค์ และมีการแจ้งย้ายชื่อเข้ามาในทะเบียนบ้านเขตเทศบาลนครเชียงใหม่หลายแห่ง จนนายเฉิน และภรรยาชาวจีน หรือชื่อไทยคือนางนิภา สมใจ ฟอกตัวเป็นคนไทย จนกระทั่งตำรวจสากลประเทศจีน ประสานขอความร่วมมือตำรวจไทยติดตามจับกุมได้ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และติดตามยึดทรัพย์สินคืน ซึ่งนายสุก ตาจง หรืออาหลิว หรือเฉิน หมั่นซุง ให้การรับสารภาพว่ามีกลุ่มบุคคลให้ความช่วยเหลือ กระทั่งมีการดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้อง จนศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกนายพูลสวัสดิ์ วรวัลย์ เป็นเวลา 8 ปี 6 เดือน, นายพิทักษ์ ตันติศักดิ์ ตัดสินจำคุก 12 ปี 6 เดือน แต่มีการขอยื่นอุทธรณ์ และยกฟ้องจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 4 จำเลยที่ 5 และจำเลยที่ 6 ก่อนที่จะมีการยื่นศาลฎีกาต่อสู้คดีอีก และศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาตัดสินในวันนี้
ด้านนายพูลสวัสดิ์ วรวัลย์ อดีตรองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จำเลยที่ 1 ในคดีนี้ เปิดเผยเพียงว่า “คดีเกิดขึ้นมานานแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ยอมรับ และทำใจได้” ก่อนจะเดินทางขึ้นรถจี๊ปสีดำพร้อมกับภรรยาเดินทางกลับบ้าน โดยมีบุคคลใกล้ชิดมาให้กำลังใจหลายคน