MGR Online - “กรุงไทย” แจงลูกจ้างสาว อบจ.ลำปาง เป็นหนี้ผิดนัดชำระบัตรเครติด 2 ใบกับธนาคารจริง ศาลมีคำพิพากษาให้ชำระหนี้ แต่ภายหลังกลับฟ้องกลับว่าโดนปลอมลายเซ็น ล่าสุดคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการภาค 5 พร้อมย้ำธนาคารให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ ด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส
ตามที่ MGR Online ได้เผยแพร่ข่าว หมดหนทาง สาว อบจ.นั่งขอทานหาเงินสู้-โดนปลอมลายเซ็นกู้เงินจนจะโดนยึดบ้าน เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น ธนาคารกรุงไทยได้ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า น.ส.วรณัน ณ ลำพูน เป็นลูกค้าสาขาเซ็นทรัลพลาซา ลำปาง เปิดบัญชีใช้บริการเงินเดือนผ่านบัญชีตั้งแต่เดือนเมษายน 2556 ต่อมาในเดือนกันยายน 2556 ได้ขอสมัครทำบัตรเครดิตที่สาขาด้วยตนเอง โดย บมจ.บัตรกรุงไทยได้อนุมัติให้ทำบัตรเครดิต KTC VISA และบัตร KTC Cash Revolve ซึ่งเป็นบัตรกดเงินสด มีวงเงินสินเชื่อซึ่งลูกค้าได้แสดงเอกสารรายได้ตามเงื่อนไขที่ บมจ.บัตรกรุงไทยกำหนด
ในการนี้ ลูกค้ามีการใช้บัตรเครดิต KTC VISA รูดซื้อสินค้าและบริการ รวมทั้งใช้บัตร KTC Cash Revolve เบิกเงินสดอย่างต่อเนื่อง ต่อมาลูกค้าผิดนัดชำระ ในส่วนของบัตร KTC Cash Revolve ซึ่งลูกค้าได้ตกลงยินยอมชำระหนี้กับ บมจ.บัตรกรุงไทย โดยให้ธนาคารหักเงินจากบัญชีออมทรัพย์ทุกเดือนเป็นเวลา 11 เดือน หลังจากนั้นลูกค้าได้ย้ายบัญชีเงินเดือนไปยังสาขาอื่นของธนาคาร ทำให้สาขาเซ็นทรัลพลาซา ลำปาง ไม่สามารถหักบัญชีเพื่อชำระหนี้ได้เช่นเดิม บมจ.บัตรกรุงไทย จึงได้ดำเนินคดีและยื่นฟ้องต่อศาลแขวงเชียงใหม่
เมื่อคดีถึงที่สุด ศาลได้มีคำพิพากษาให้ น.ส.วรณัน ชดใช้หนี้บัตรเครดิตทั้ง 2 ใบแก่ บมจ.บัตรกรุงไทย ซึ่ง น.ส.วรณันต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล แต่ได้แจ้งความกลับธนาคารในภายหลังโดยกล่าวหาว่า ถูกพนักงานธนาคารปลอมแปลงลายเซ็นสมัครใช้บัตร KTC Cash Revolve ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการภาค 5
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทยขอยืนยันว่า พนักงานได้ปฏิบัติงานตามระเบียบธนาคาร และธนาคารได้ให้บริการลูกค้าทุกรายอย่างมืออาชีพ ด้วยความซื่อสัตย์และโปร่งใส ตลอดจนปฏิบัติตามข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างเคร่งครัด
ตามที่ MGR Online ได้เผยแพร่ข่าว หมดหนทาง สาว อบจ.นั่งขอทานหาเงินสู้-โดนปลอมลายเซ็นกู้เงินจนจะโดนยึดบ้าน เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น ธนาคารกรุงไทยได้ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า น.ส.วรณัน ณ ลำพูน เป็นลูกค้าสาขาเซ็นทรัลพลาซา ลำปาง เปิดบัญชีใช้บริการเงินเดือนผ่านบัญชีตั้งแต่เดือนเมษายน 2556 ต่อมาในเดือนกันยายน 2556 ได้ขอสมัครทำบัตรเครดิตที่สาขาด้วยตนเอง โดย บมจ.บัตรกรุงไทยได้อนุมัติให้ทำบัตรเครดิต KTC VISA และบัตร KTC Cash Revolve ซึ่งเป็นบัตรกดเงินสด มีวงเงินสินเชื่อซึ่งลูกค้าได้แสดงเอกสารรายได้ตามเงื่อนไขที่ บมจ.บัตรกรุงไทยกำหนด
ในการนี้ ลูกค้ามีการใช้บัตรเครดิต KTC VISA รูดซื้อสินค้าและบริการ รวมทั้งใช้บัตร KTC Cash Revolve เบิกเงินสดอย่างต่อเนื่อง ต่อมาลูกค้าผิดนัดชำระ ในส่วนของบัตร KTC Cash Revolve ซึ่งลูกค้าได้ตกลงยินยอมชำระหนี้กับ บมจ.บัตรกรุงไทย โดยให้ธนาคารหักเงินจากบัญชีออมทรัพย์ทุกเดือนเป็นเวลา 11 เดือน หลังจากนั้นลูกค้าได้ย้ายบัญชีเงินเดือนไปยังสาขาอื่นของธนาคาร ทำให้สาขาเซ็นทรัลพลาซา ลำปาง ไม่สามารถหักบัญชีเพื่อชำระหนี้ได้เช่นเดิม บมจ.บัตรกรุงไทย จึงได้ดำเนินคดีและยื่นฟ้องต่อศาลแขวงเชียงใหม่
เมื่อคดีถึงที่สุด ศาลได้มีคำพิพากษาให้ น.ส.วรณัน ชดใช้หนี้บัตรเครดิตทั้ง 2 ใบแก่ บมจ.บัตรกรุงไทย ซึ่ง น.ส.วรณันต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล แต่ได้แจ้งความกลับธนาคารในภายหลังโดยกล่าวหาว่า ถูกพนักงานธนาคารปลอมแปลงลายเซ็นสมัครใช้บัตร KTC Cash Revolve ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการภาค 5
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทยขอยืนยันว่า พนักงานได้ปฏิบัติงานตามระเบียบธนาคาร และธนาคารได้ให้บริการลูกค้าทุกรายอย่างมืออาชีพ ด้วยความซื่อสัตย์และโปร่งใส ตลอดจนปฏิบัติตามข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างเคร่งครัด