ลำปาง - ผู้บริหารแบงก์กรุงไทย ลำปาง ยกคณะเปิดห้องประชุมตั้งโต๊ะแถลงข่าว ยืนยันไม่มีพนักงานปลอมลายมือชื่อสาว อบจ.ลำปางจนเป็นหนี้ก้อนโตใกล้ถูกยึดบ้าน ย้ำลูกค้าใช้บัตร KTC VISA รูดซื้อสินค้า และบริการ รวมทั้งใช้บัตรเครดิต KTC Cash Revolve เบิกเงินสดต่อเนื่อง จนถูกฟ้องคดีถึงที่สุด ขณะศูนย์พิสูจน์หลักฐานระบุลายเซ็นเขียนได้หลายแบบ
วันนี้ (1 ก.ย.) นายบัญชา คูอาริยะกุล ผู้อำนวยการฝ่ายผู้บริหารสำนักงานเขตลำปาง ธนาคารกรุงไทย ลำปาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ธนาคารสาขาต่างๆ ในลำปางร่วม 20 คน ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ชั้น 4 สำนักงานเขตลำปาง ชี้แจงกรณีตกเป็นจำเลยของสังคม
หลังลูกค้าคือ น.ส.วรณัน ณ ลำพูน ออกมาร้องเรียนต่อสื่อมวลชน-เดินสายประท้วงขอความเป็นธรรมไปยังหลายหน่วยงานเพื่อให้ทางธนาคารออกมารับผิดชอบ โดยอ้างว่าถูกพนักงานของธนาคารปลอมลายเซ็นทำบัตรกดเงินสดจนเกิดหนี้พอกพูน กระทั่งศาลมีคำพิพากษาเป็นที่สุดให้ชดใช้เงินจำนวนร่วม 80,000 บาท แต่เจ้าตัวไม่มีเงินจนต้องออกมานั่งขอทานหน้าศาลากลางจังหวัด รวมทั้งถือป้ายประท้วงหน้าแบงก์
นายบัญชาได้ให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารแจกเอกสารข่าวจำนวน 1 แผ่นให้แก่ผู้สื่อข่าว หลังจากนั้นได้อ่านเอกสารดังกล่าวให้ผู้สื่อข่าวฟัง โดยมีใจความว่า จากข่าวดังกล่าว ทางธนาคารขอชี้แจงว่า น.ส.วรณัน ณ ลำพูน เป็นลูกค้าสาขาเซ็นทรัลพลาซา ลำปาง เปิดบัญชีใช้บริการเงินเดือนผ่านบัญชี ตั้งแต่เดือนเมษายน 2556
ต่อมาในเดือนกันยายน 2556 ลูกค้าได้ขอสมัครทำบัตรเครดิต โดยลงนามสมัครใช้บริการที่สาขาด้วยตนเอง และได้แสดงเอกสารรายได้ต่อเดือน ตามเงื่อนไขที่ บมจ.บัตรกรุงไทย กำหนด ซึ่งบริษัทได้อนุมัติลูกค้าให้ทำบัตรเครดิต KTC VISA และบัตร KTC Cash Revolve ซึ่งเป็นบัตรกดเงินสด โดยมีวงเงินสินเชื่อ และธนาคารเป็นเพียงช่องทางในการให้บริการแก่ลูกค้า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการอนุมัติบัตรและวงเงิน
“ลูกค้าได้ใช้บัตรเครดิต KTC VISA รูดซื้อสินค้า และบริการ รวมทั้งใช้บัตรเครดิต KTC Cash Revolve เบิกเงินสดอย่างต่อเนื่อง ต่อมาลูกค้าผิดนัดชำระ ในส่วนของบัตร KTC Cash Revolve ซึ่งลูกค้าได้ตกลงยินยอมชำระหนี้กับ บมจ.บัตรกรุงไทย โดยให้ธนาคารหักเงินในบัญชีออมทรัพย์ทุกเดือน เป็นเวลา 11 เดือน หลังจากนั้นลูกค้าได้ย้ายบัญชีเงินเดือนไปยังสาขาอื่นของธนาคาร ทำให้สาขาเซ็นทรัลพลาซา ลำปาง ไม่สามารถหักบัญชีเพื่อชำระหนี้ได้เช่นเดิม บมจ.บัตรกรุงไทยจึงดำเนินคดีและยื่นฟ้องต่อศาลแขวงเชียงใหม่”
ต่อมาศาลแขวงเชียงใหม่มีคำพิพากษาให้ น.ส.วรณันชดใช้หนี้กับ บมจ.บัตรกรุงไทย และ น.ส.วรณันไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นตามสิทธิ คดีจึงถึงที่สุด น.ส.วรณันจึงต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล
แต่ น.ส.วรณันไม่ได้ปฏิบัติตาม กลับแจ้งความดำเนินคดีอาญาต่อพนักงานธนาคาร โดยกล่าวหาว่าถูกพนักงานธนาคารปลอมแปลงลายเซ็นสมัครใช้บัตร KTC Cash Revolve ซึ่งขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการภาค 5
“ทั้งนี้ ผมเชื่อว่าพนักงานสาขาได้ปฏิบัติงานตามระเบียบของธนาคารอย่างเคร่งครัด ด้วยความซื่อสัตย์และโปร่งใส และที่ตกเป็นข่าวพนักงานยอมรับว่าปลอมลายเซ็นนั้นไม่เป็นความจริงแต่ประการใด ที่สำคัญศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 จังหวัดลำปาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ลงความเห็นว่า ลายมือชื่อ น.ส.วรณันเขียนได้หลายแบบ จึงไม่อาจลงความเห็นอย่างหนึ่งอย่างใดได้ในเรื่องลายมือชื่อปลอม อย่างไรก็ตาม ขอให้รอการพิจารณาของอัยการภาค 5 ซึ่งจะเป็นธรรมกับทุกฝ่าย”
ส่วนลูกค้าคือ น.ส.วรณัน ณ ลำพูน ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมาได้มายืนประท้วงที่หน้าธนาคารแล้วก็ได้ไปติดตามความคืบหน้าที่สำนักงานอัยการจังหวัดลำปาง ซึ่งทางสำนักงานฯ ก็ให้รอการตรวจสอบพยานหลักฐานจากทางสถานีตำรวจภูธรเมืองลำปาง และรอการพิจารณาของอัยการภาค 5 เช่นเดียวกัน
น.ส.วรณันระบุด้วยว่า จะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดขอความเมตตาไปยังสำนักราชเลขาฯ อีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายเพราะหมดที่พึ่งแล้ว