ธนาคารทหารไทย ประกาศใช้อัตราดอกเบี้ย 0.00% สําหรับบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป แต่เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ธนาคารก็ต้องกลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยเดิมที่ 0.125%
โดยสาเหตุที่ธนาคารอ้างก็คือ ดอกเบี้ยตลาดโลกมันตกลงไปที่ 0.00 หรือตํ่ากว่า 0.00 ในบางประเทศเหตุผลที่อ้างจริงๆ แล้วก็แค่ดรามา แค่เรื่องสร้างภาพหาเหตุให้ธนาคารดูดี
แต่เรื่องจริงคือ ธนาคารผลักภาระดอกเบี้ยไปให้ผู้ฝากเงินรายย่อย ใครที่เป็นรายย่อยมากๆ ก็จะโดนเอาเปรียบโดยไม่ได้ดอกเบี้ย จะไห้ได้ดอกเบี้ยก็ต้องไปเปิดบัญชีแบบพิเศษ พ่วงประกันบ้าง พ่วงค่าธรรมเนียมสูงบ้าง เฉพาะรายใหญ่ที่มีเงินถุงเงินถังจริงๆ ที่สามารถต่อรองได้ และยังได้ดอกเบี้ยอยู่
ในด้านเงินกู้ดอกเบี้ยก็ไม่ได้ลดเลย รายย่อยใช้บัตรเครดิต ดอกเบี้ยก็สูงลิ่ว ติดเพดานที่ 36% ถ้าจะได้ดอกเบี้ยตํ่าแบบรายใหญ่ 6-7% ก็ต้องเอาทรัพย์สิน เช่น บ้าน ที่ดิน มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน จนแทบจะเรียกได้ว่าธนาคารแทบจะไร้ความเสี่ยง กินส่วนต่างดอกเบี้ยในระดับ 5-6% แบบไม่มีที่ไหนเขาทํากัน
ทุกอย่างผลักมาให้ผู้ฝากเงินรายย่อย แต่ผู้ฝากเงินรายย่อยกลับแทบจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ผู้ฝากรายย่อย ฝากเงินก็ไม่ได้ดอกเบี้ย หรือถ้าได้ก็ตํ่ามาก แต่ถ้าต้องกู้เงินก็ต้องเสียดอกเบี้ยสูง
เงินออมส่วนมากเป็นของผู้ฝากรายย่อย แต่กลับถูกรวบไปให้กลุ่มลูกค้ารายใหญ่ หน่วยงานผู้มีหน้าที่กํากับธนาคารพาณิชย์ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับเรื่องเหล่านี้ อยากรู้จริงๆ ว่า ตกลงแล้วใครกํากับใคร ตกลงว่าหน่วยงานกํากับกํากับธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารพาณิชย์กํากับหน่วยงานกํากับ
ที่ผ่านมา ผมไม่เคยเห็นเลยว่ารายย่อย หรือหนี้เสียที่เกิดจากรายย่อยจะทําให้ระบบธนาคารพาณิชย์มีปัญหา เคยเห็นก็แต่พวกหนี้รายใหญ่ที่มีปัญหา ที่ถึงขยาดทําให้ระบบธนาคารพาณิชย์มีปัญหาจนต้องรัฐต้องเข้ามาอุ้มวิกฤตหนักๆ ที่เคยเกิดมาในอดีตก็มีสาเหตุมากจากความหละหลวม กับความไม่ทันเกมของหน่วยงานกํากับล้วนๆ
เราต้องให้เรื่องแบบนี้มันเกิดซํ้าเป็นประวัติศาสตร์ซํ้ารอยจนถึงเมื่อไหร่ ได้เวลาที่เราควรจะมาดูรึยังว่าต้นเหตุของปัญหามันอยู่ตรงไหน และที่สําคัญคือ เมื่อไหร่ที่ผู้ฝากเงินรายย่อยจะเลิกถูกเอาเปรียบสักที
รัฐบูรพา