xs
xsm
sm
md
lg

ไทยออยล์ เปิดโรงงานผลิตสาร LAB และโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก 2 โรงเชิงพาณิชย์ อย่างเป็นทางการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

คณะผู้บริหารในเครือไทยออยล์ พร้อมแขกผู้มีเกียรติ ร่วมเปิดเปิดโรงงานผลิตสาร LAB และโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก 2 โรง
ศูนย์ข่าวศรีราชา -ไทยออยล์ ทุ่มงบกว่า 20,000 ล้านบาท เปิดโรงงานผลิตสาร LAB รายแรก และรายเดียวของประเทศไทย และโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก 2 โรงในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ เพื่อรองรับการเข้าเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC

วันนี้ (3 ส.ค.) นายคุรุจิต นาครทรรพ ประธานกรรมการบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีเปิดโรงงานผลิตสาร LAB ของบริษัท ลาบิกซ์ จำกัด และโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก 2 โครงการ ของบริษัท ท็อป เอสพีพี จำกัด โดยมีผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมพิธี เช่น นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) นายทาคุ โมริโมโตะ กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจเพอฟอร์แมนซ์แมททีเรียล บริษัท มิตซุยแอนด์คัมปนี จำกัด นายสุชาติ มัณยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลาบิกซ์ จำกัด นายชาลี บาลมงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสพีพี จำกัด นายวรญาณ บุญณราช นายอำเภอศรีราชา พร้อมด้วย นางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง เข้าร่วมพิธีดังกล่าว ณ บริเวณหน้าอาคารสำนักงาน Sitr Office โรงกลั่นไทยออยล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ถือว่าผู้นำธุรกิจการกลั่นและจำหน่ายน้ำมันปิโตรเลียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โรงงานผลิตสาร LAB และโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก TOP SPP 2 โครงการ อย่างเป็นทางการ โดยโครงการผลิตสาร LAB จัดเป็นโครงการใหญ่ระดับชาติโครงการหนึ่งระหว่างไทย และญี่ปุ่นของปีนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างงาน และเศรษฐกิจโดยรวมขยายตัว รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้มากขึ้น เพื่อรองรับการเข้าเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC

สำหรับการเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการของธุรกิจทั้ง 2 ธุรกิจในวันนี้ ซึ่งถือเป็นวันครบรอบ 55 ปี ของการก่อตั้งโรงกลั่นไทยออยล์ อันเป็นที่ประจักษ์ถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ โดยการมุ่งเน้นการเติบโตในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องต่อธุรกิจหลักที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ (Core Business) ซึ่งเป็นหนึ่งกลยุทธ์ของเครือไทยออยล์ เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และลดความผันผวนของการดำเนินธุรกิจ โดยโครงการผลิตสาร Linear Alkyl Benzene (LAB) และโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก 2 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการต่อยอดธุรกิจเครือไทยออยล์ ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วในขณะนี้

“เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ในปี 2556 บริษัทฯ โดยบริษัท ไทยพาราไซลีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือไทยออยล์ ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ได้จับมือกับบริษัท มิตซุย แอนด์คัมปนี จำกัด (มิตซุย) ซึ่งเป็นบริษัท Trading ชั้นนำของญี่ปุ่นที่มีเครือข่ายการค้าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น และเป็นรายใหญ่ที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดตัวบริษัทร่วมทุน ในนามบริษัท ลาบิกซ์ จำกัด เป็นผู้ผลิตสาร LAB ด้วยนวัตกรรมล่าสุดของ UOP ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยที่สุดในโลก และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดย บจ.ไทยพาราไซลีน ถือหุ้น 75% และมิตซุย ถือหุ้น 25%” นายอธิคม กล่าว

นายอธิคม กล่าวต่อไปว่า โรงงานผลิตสาร LAB เริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนสิงหาคม 2556 แล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นโครงการผลิตสาร LAB รายแรกของประเทศไทย ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการนำเข้าสาร LAB จากต่างประเทศ ถึง 3,500-4,000 ล้านบาทต่อปีแล้ว ยังสร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยได้ถึง 6,000 ล้านบาทต่อปี ช่วยสร้างงาน และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้แก่ชุมชน โดยสาร LAB เป็นวัตถุดิบที่สำคัญในอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและสารซักล้าง ด้วยเงินลงทุนกว่า 12,000 ล้านบาท จัดเป็นโครงการผลิตสาร LAB รายแรก และรายเดียวของประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่ง มีกำลังการผลิต 100,000 ตันต่อปี โดยได้ทำการผลิตเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา

โดยโครงการผลิตสาร LAB นี้มีการทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียจาก 14 ชุมชนรอบพื้นที่โครงการอย่างเป็นทางการตามกฎหมายเรียบร้อยแล้วเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา รวมทั้งรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการก็ได้รับการพิจารณาเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการเรียบร้อยแล้ว

นายอธิคม กล่าวว่า โรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ในบริเวณโรงกลั่นไทยออยล์ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ของประเทศ เนื่องจากสามารถขนส่งสินค้าได้ทั้งทางทะเล และทางรถยนต์ ทำให้บริษัทสามารถขนส่งผลิตภัณฑ์ไปยังลูกค้าตามภูมิภาคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็กโครงการที่ 1 และ 2 ของบริษัท ท็อป เอสพีพี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือไทยออยล์ นอกจากจะช่วยสนับสนุนความมั่นคง และเสถียรภาพในการผลิตให้แก่บริษัทในเครือไทยออยล์ ทั้งในปัจจุบัน และอนาคตแล้ว ยังมีส่วนช่วยสนับสนุนความมั่นคงด้านพลังงาน รองรับความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าของประเทศ เนื่องจากโรงไฟฟ้าทั้ง 2 โรง มีการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โรงละ 90 เมกะวัตต์ และยังสามารถช่วยให้เครือไทยออยล์ ประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายไฟฟ้า และไอน้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิต เนื่องจากโรงไฟฟ้าทั้ง 2 โรง ได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย

โดยโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก จำนวน 2 โครงการ ของ บริษัท ท็อป เอสพีพี จำกัด มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 12,000 ล้านบาท ก่อสร้างขึ้นในปี 2554 เมื่อไทยออยล์ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก ประเภทสัญญา Firm ระบบ Cogeneration ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ จำนวน 2 โครงการ โดยมีกำลังการผลิตรวม 239 เมกะวัตต์ และไอน้ำรวม 498 ตันต่อชั่วโมง โดยส่งขายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ 180 เมกะวัตต์ และใช้ในโรงกลั่นไทยออยล์และบริษัทในเครือ 59 เมกะวัตต์

โดยโรงไฟฟ้าขนาดเล็กโครงการแรกนี้มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 124 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 353 ตันต่อชั่วโมง ส่วนโรงไฟฟ้าขนาดเล็กโครงการที่ 2 มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 115 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 145 ตันต่อชั่วโมง โดยมีกำหนดวันเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้า (COD) 1 เมษายน 2559 และ 1 มิถุนายน 2559 ตามลำดับ จัดเป็นธุรกิจที่สร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า และรายได้อย่างต่อเนื่องให้แก่เครือไทยออยล์

ด้าน นายทาคุ โมริโมตะ กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจเพอฟอร์แมนซ์ แมททีเรียล บริษัท มิตซุยแอนด์คัมปนี จำกัด กล่าวว่า สาร LAB ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผงซักฟอกและสารซักล้าง โดยอุปสงค์ของผงซักฟอกและสาร LAB ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของประชากร นอกจากนั้น โรงงานผลิต LAB เป็นโรงงานที่มีการเชื่อมต่อกับโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ (Fully integrated) จึงถือเป็นโรงงานผลิตสาร LAB รายแรก และรายเดียวในภูมิภาคฯ ที่ดำเนินการผลิตสาร LAB อย่างครบวงจร มีการใช้วัตถุดิบจากโรงกลั่นที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน รวมถึงเป็นการผลิตภายในประเทศเพื่อใช้สำหรับอุตสาหกรรมภายในประเทศ ทำให้ลักษณะการประกอบกิจการมีความสามารถในการแข่งขันที่สูง ทั้งยังได้รับการขับเคลื่อนจากพันธมิตรที่แข็งแกร่ง โดยทางด้านการปฏิบัติการจากไทยออยล์ และด้านการตลาดจากมิตซุยแอนด์คัมปนี ที่มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้านการตลาด LAB เป็นอย่างดี จุดแข็งในด้านการผลิตของเครือไทยออยล์ และเครือข่ายการตลาดที่เข้มแข็งของมิตซุยจึงเป็นส่วนเสริมซึ่งกันและกัน จึงมั่นใจได้ว่า บจ.ลาบิกซ์ จะเป็นบริษัทที่มีความได้เปรียบ และมีความเข้มแข็งทางธุรกิจ
เปิดโรงงานผลิตสาร LAB และโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก 2 โรง เชิงพาณิชย์ อย่างเป็นทางการ
โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก 2 โรง ในไทยออยล์ ศรีราชา
โรงงาน ในพื้นที่โรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ ศรีราชา
กำลังโหลดความคิดเห็น