ขอนแก่น - “ส.จ.จ่อย” เรียกร้องร่วมปกป้องศักดิ์ศรีคนบ้านไผ่ ชี้พฤติกรรม “หมอเปรม” ผิดศีลธรรมร้ายแรง เป็นถึงกรรมการสถานศึกษาได้รับการยกย่องเชิดชูเป็นถึงครูพิเศษของโรงเรียน ข.ก.5 แต่กลับรักเด็กเกินเหตุ เรียกร้องให้พ้นตำแหน่งเก้าอี้นายกเล็กจนกว่าคดีสิ้นสุด พร้อมจี้นายกรัฐมนตรี ใช้ ม.44 ปราบกาม
จากกรณี นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เรียกกลุ่มผู้สื่อข่าวประจำ จ.ขอนแก่น ทั้งจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ มติชน ไทยทีวีสีช่อง 3 เนชั่นทีวี และเคเคซี เคเบิลทีวี ที่ไปรอสัมภาษณ์ประเด็นข่าวการแต่งงานกับนักเรียนสาวชั้น ม.5 จนมีการแชร์ภาพในโลกโซเชียลให้เข้าไปพบในห้องทำงาน แต่กลับให้ลูกน้องบังคับนักข่าวแก้ผ้าจนเหลือแต่กางเกงในตัวเดียวนั้น
ล่าสุดหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เพื่อสอบถามความเห็นของประชาชนทั่วไป พบว่ากลุ่มพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลเมืองบ้านไผ่ต่างพากันจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าการกระทำของ นพ.เปรมศักดิ์ เป็นการกระทำที่สวนทางกับภาพลักษณ์ บางกลุ่มก็ไม่เชื่อว่าหมอเปรมจะมีพฤติกรรมเช่นนี้ จนเกิดกระแสเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ หากว่าผิดจริงก็ให้ลงโทษขั้นเด็ดขาด เนื่องจากเห็นว่า นพ.เปรมศักดิ์ เป็นบุคคลสาธารณะเป็นคนพิเศษ โดยเฉพาะโรงเรียนบ้านไผ่ ข.ก.5 ได้ยกย่องเชิดชูตั้งให้เป็นครูพิเศษ มีหน้าที่ให้คำปรึกษานักเรียนมาแล้วหลายรุ่น แต่กลับมามีภาพข่าวรักเด็กมากเกินไป เห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่ผิดศีลธรรมของความเป็นวิญญูชนอย่างร้ายแรง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีประชาชนและนักการเมืองท้องถิ่นหลายคนที่ต้องการให้เปิดเผยพฤติกรรม นพ.เปรมศักดิ์ และพร้อมที่จะเปิดหน้าชน “หมอเปรม” เพราะภาพหลุดที่เหมือนเป็นการแต่งงานกับเด็กนักเรียน ถือเป็นสิ่งที่ไม่สมควร ทั้งยังเกิดเหตุกรณีคุกคามจับนักข่าวแก้ผ้านั้นนำมาซึ่งความเสื่อมเสียชื่อเสียงของชาวบ้านไผ่เป็นอย่างมาก
นายเดชดำรง สิงคลีบุตร ส.อบจ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น หรือ ส.จ.จ่อย กล่าวว่า เรื่องภาพหลุดนั้นได้ทราบข่าวและเห็นภาพคล้ายกับพิธีการแต่งงานของหมอเปรมกับเด็กนักเรียนชั้น ม.5 ในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2559 ทำให้ทางคณะศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านไผ่ ข.ก.5 ได้ปรึกษากันว่าทำไมสถาบันที่เรารักจึงเกิดเรื่องราวเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น จากนั้นตนในฐานะศิษย์เก่าและคนบ้านไผ่จึงลงพื้นที่สอบถามข้อเท็จจริงกับประชาชนในละแวกนั้น ซึ่งพบว่าเป็นความจริงตามที่มีคนพูดกัน โดยมีพิธีการสู่ขอและขอขมาคนแก่ หรือคนอีสานเรียกว่า “ปลง หรือสมา” ซึ่งถือเป็นการยอมรับ ส่วนทางภาคเหนือเรียกว่าเสียผี มีการผูกข้อต่อแขน เอาเงินสินสอดมาวาง ตามที่ปรากฏในภาพ
ดังนั้น ในฐานะที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นและยังเป็นคณะศิษย์เก่าจึงเกิดความไม่สบายใจอย่างมาก เพราะ นพ.เปรมศักดิ์ก็เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านไผ่ ข.ก.5 และได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการสถานศึกษาของโรงเรียนแห่งนี้ ที่สำคัญยังเป็นอาจารย์พิเศษสอนเด็กในโรงเรียนแห่งนี้ด้วย หากมากระทำอย่างนี้ตามข่าวแล้วถือเป็นพฤติกรรมที่ผิดจรรยาบรรณ ผิดประเพณี ผิดฮีต ผิดศีลธรรมและคุณธรรมจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพราะถือเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์
ในนามคณะศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน พร้อมผู้ปกครองจึงได้ทำหนังสือยื่นให้ทางโรงเรียนทบทวนพฤติกรรมของหมอเปรม ว่าเหมาะสมหรือไม่ที่ได้ทำกับเด็กและเยาวชนเช่นนี้ สมควรปลดออกจากประธานกรรมการสถานศึกษาทันที และเท่าที่ทราบทางสถานศึกษาก็ได้สั่งปลดออกจากตำแหน่งนี้แล้ว
นายเดชดำรงกล่าวต่อว่า ชาวบ้านไผ่มองว่าหมอเปรมนั้นเป็นผู้บริหารองค์กรท้องถิ่นขนาดใหญ่ของ อ.บ้านไผ่ คือเป็นนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่เป็นบุคคลสาธารณะ ประชาชนหรือใครก็ตามสามารถเข้าไปปรึกษาหารือในองค์กร ซึ่งเป็นสถานที่ราชการ แต่ที่ทำให้ชาวบ้านไผ่เสียใจ คือ คณะสื่อมวลชนเข้าไปพบแต่กลับกักขังหน่วงเหนี่ยวและจับแก้ผ้า มันเกินไปสำหรับผู้บริหารที่ทำเช่นนั้น ผิดวิสัยของนักการเมือง ผิดวิสัยของผู้บริหาร ผิดวิสัยของผู้นำที่ประชาชนเลือกเข้า
“ขอวิงวอนผู้ที่ผู้ดูแลกฎหมายควบคุมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและการศึกษา ทั้งกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ถ้าผิดก็ให้ดำเนินการตามกฎมายขั้นเด็ดขาด เพราะเป็นสิ่งไม่ดีและทำให้ชาวบ้านไผ่เสียชื่อเสียง”
นายเดชดำรงกล่าวอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ นพ.เปรมศักดิ์นั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของหลายฝ่ายและอยู่ระหว่างการทำคดีของเจ้าพนักงานตำรวจ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้หมอเปรม หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรี หรือให้ออกจากตำแหน่งไว้ก่อนจนกว่าจะมีการตรวจสอบว่าผิดหรือไม่ผิด เนื่องจากพฤติกรรมดังกล่าวมันถือเป็นการผิดศีลธรรม จริยธรรมร้ายแรงของข้าราชการการเมืองท้องถิ่น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่
“พวกเราอยากเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ใช้ ม.44 ทวงคืนศักดิ์ศรีและศีลธรรมให้ชาวบ้านไผ่กลับมาซึ่งขณะนี้ถือว่าถูกทำลายไปหมดแล้ว” นายเดชดำรงกล่า