นายกสมาคมสื่อฯขอนแก่นโร่ขึ้นโรงพักเอาผิด "หมอเปรม" โพสต์หมิ่นให้ร้ายรับเงิน 5,000 บาทจาก "ระเบียบรัตน์" ขณะที่ชาวบ้านหลายชุมชนในอำเภอบ้านไผ่ดาหน้ารับไม่ได้ผู้นำท้องถิ่นกินเด็ก จี้ "หมอเปรม" ลาออก ชดใช้กรรม แฉ"อ้วน"ขาใหญ่ภาคอีสาน วิ่งเต้น-คสช. ช่วยหมอเปรม ระบุใครให้ข่าวถูกชายฉกรรจ์ข่มขู่
วานนี้ (31 ก.ค.) ที่ สภ.เมืองขอนแก่น พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดขอนแก่น พร้อมคณะกรรมการสมาคมฯ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.นพดล เพ็ชร์สุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กรณี นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเทศบางเมืองบ้านไผ่ ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวกล่าวหารับมอบเงินจาก นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช 5,000 บาท เพื่อร่วมมือกันเล่นงานตน
พ.ท.พิสิษฐ์ กล่าวว่า ข้อความที่ นพ.เปรมศักดิ์ โพสต์บนเฟซบุ๊กดังกล่าวคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง ทำให้สังคมเข้าใจผิด สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดขอนแก่น และผู้สื่อข่าวในจังหวัดขอนแก่น ได้รับความเสียหาย อับอาย ทั้งที่ในวันดังกล่าว (29 ก.ค.) ตนในฐานะนายกสมาคมสื่อฯ เป็นผู้มอบเงิน จำนวน 5,000 บาท ให้แก่โครงการทอดผ้าป่าช่วยเหลือผู้ป่วยเอดส์ ซึ่งโครงการฯ มีนางระเบียบรัตน์ เป็นแม่งาน ภายในงานมีผู้สื่อข่าวหลายสำนักไปถ่ายภาพทำข่าวตามปกติ และขณะมอบเงินได้ถ่ายรูปร่วมกันตามวิสัยทั่วไป
จากทั้งภาพที่ นพ.เปรมศักดิ์ ตัด และคำพูดของ นพ.เปรมศักดิ์ ระบุบนภาพนั้นทำให้คนที่ได้เห็นได้อ่านเข้าใจผิดในตัวสื่อ น่าจะทำให้สื่อเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอายต่อสาธารณะ จึงถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และประมวลกฑหมายอาญาฐานะหมิ่นประมาท ดังนั้น ทางสมาคมฯ จำเป็นต้องแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีต่อ นพ.เปรมศักดิ์ เพื่อรักษาปกป้องเกียรติ ศักดิ์ศรีของสื่อมวลชน
พ.ท.พิสิษฐ์ กล่าวต่อว่า บทบาทหน้าที่ของสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดขอนแก่น ที่ผ่านมา นอกจากดูแลสวัสดิการสมาชิกฯ จัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับการพัฒนาวงการสื่อมวลชนแล้ว ยังได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือกิจกรรมทางสังคมที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการมอบเงินให้แก่โครงการทอดผ้าป่าช่วยเหลือผู้ป่วยเอดส์ครั้งนี้ก็เป็นภารกิจเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณชนเช่นกัน
ด้าน พ.ต.ท.นพดล เพ็ชร์พิสุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า การเข้าแจ้งความร้องทุกข์ของสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดขอนแก่น ครั้งนี้ ถือเป็นประเด็นที่สาธารณชนให้ความสนใจ ดังนั้น ตนจะตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงในคดีนี้โดยเฉพาะ โดยมอบหมายให้ พ.ต.ท.ถวัลย์ สุทาวรัตน์ รอง ผกก.สอบสวน เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และตนจะขอร่วมเป็นกรรมการสอบสวนด้วย
ทั้งนี้ เพื่อความรวดเร็วในการทำคดีนี้ ภายหลังรับแจ้งความแล้วจะเริ่มกระบวนการสอบปากคำฝ่ายผู้ร้องทันที เริ่มจากการสอบปากคำ นายกสมาคมฯ พ.ท.พิสิษฐ์ และจะเชิญพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะมีการมอบเงินเข้ามาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน พร้อมกับรวบรวมพยานวัตถุที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบสำนวนคดีให้มากที่สุด คาดว่าภายใน 1 สัปดาห์ จะสามารถสรุปสำนวน และระบุความผิดตามข้อกล่าวหาได้ว่าผู้ถูกร้องกระทำผิดเข้าข่ายคดีหมิ่นประมาทมาตราใดบ้าง หลังจากนั้น จะออกหมายเรียก นพ.เปรมศักดิ์ เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา
วันเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เพื่อสอบถามความคิดเห็นถึงประเด็นปัญหา นพ.เปรมศักดิ์ ประชาชนในพื้นที่ น.ส.พายุหะ ปิดตามาตา อายุ 44 ปี ชาวชุมชนหนองแวงไร่ กล่าวว่า ตนเป็นชาวชุมชนหนองแวงไร่ ในเขตเทศบาลเมืองบ้านไผ่ กรณีข่าวหมอเปรมนั้น ส่วนตัวยอมรับว่าหมอเปรม เป็นนักพัฒนาที่ดี แต่ที่รับไม่ได้คือกรณีหมอเปรม ไปแต่งกับเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียน ข.ก.5 บ้านไผ่ ทั้งที่หมอเปรม ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการสถานศึกษาของโรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งถือว่าได้รับเชิดชูเกียรติในฐานะศิษย์เก่า สร้างขึ้นเพื่อเป็นอาจารย์พิเศษ
"ในฐานะลูกผู้หญิง รู้สึกสลดใจกับเหตุการณ์นี้ เป็นเรื่องผิดประเพณี ที่สำคัญหมอเปรมมีภรรยาอยู่แล้วทำไมทำแบบนี้ แล้วใครจะกล้าส่งลูกหลานไปเรียนโรงเรียนนี้อีก หากหมอเปรมยังทำหน้าที่เป็นครูพิเศษ เท่าที่รู้การพูดคุยกับเด็กนักเรียน นอกจากเรื่องวิชาการแล้ว จะแจกเบอร์โทรให้เด็กนักเรียน บางคนถึงกับขอเบอร์ จนเป็นที่รู้กันในกลุ่มผู้ปกครองว่า ต้องระวังไม่ให้หมอเปรมโทรมาชวนลูกไปกินข้าว"
น.ส.กัญจนา วรวงศ์ อายุ 48 ปี ชาวชุมชนสีหมอน เขตเทศบาลเมืองบ้านไผ่ กล่าวว่า ตนมีลูกสาวเรียนอยู่ที่โรงเรียน ข.ก.5 บ้านไผ่ หลังมีข่าวฉาวออกมา ได้สอบถามลูกสาว ซึ่งบอกว่าเป็นเรื่องจริง ขณะนี้ทั้งโรงเรียนห้ามนักเรียนทุกคนพูดเรื่องนี้ ทั้งพฤติกรรมหมอ หรือห้องเรียนพิเศษ แต่สิ่งที่น่าตกใจข้อมูลนักเรียนหญิงมาเล่าให้ฟังว่า แต่ละปีในโรงเรียน จะมีนักเรียนหญิงตกเป็นเหยื่ออย่างต่ำปีละคน แต่ต้องปิดปากให้สนิท เพราะหลังจากนั้นจะติดตามดูแล บางคนพอเกิดเรื่องจะทำเรื่องย้ายโรงเรียนใหม่ให้
น.ส.วันวิสา วัฒนาคมประทีป อายุ 38 ปี ชาวชุมชนสีหมอน เขตเทศบาลเมืองบ้านไผ่ กล่าวว่า หากหมอเปรม ออกมายอมรับตั้งแต่แรกเรื่องนี้คงไม่อื้อฉาวแบบนี้ ยิ่งหมอเปรม ประกาศจะฟ้องคนที่นำเรื่องนี้ไปพูด ยิ่งทำให้ชาวบ้านอึดอัดและต้องการพูดความจริงทั้งหมด ว่ามีพฤติกรรมอย่างไร เรื่องชอบกินเด็ก และต้องการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้กระบวนการสอบสวนอย่างเป็นธรรม และหมอเปรม ควรหยุดโวยวาย หันมาพูดคุยกับสื่อมวลชน
เรื่องนี้ใครก็ดูออก ภาพที่ปล่อยหลุดออกมานั้น หากคิดกันดีๆ หมอเปรมซะอีกปล่อยให้ถ่ายรูปนี้ออกมา คงเป็นเพื่อนนักเรียนหญิง และเอาลงโซเชียลยืนยันว่าเป็นเมียหมอเปรมอีกคน คิดอีกแง่เป็นเรื่องดีหากหมอรักเด็กจริง แต่พอกลับลำว่า หมอเอาเงินไปช่วยเหลือครอบครัว ไม่เกี่ยวกับงานแต่ง ถือเป็นการหลอกลวงประชาชน ต้องตรวจสอบ
ด้านแหล่งข่าววงใน เปิดเผยว่าในกรณีที่ "หมอเปรม ม.5" ยังเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลจะปฏิรูปสื่อ โดยมี "นายอ้วน" เพื่อนสนิทหมอเปรม ถือเป็นขาใหญ่ในภาคอีสานกำลังติดต่อผู้ใหญ่ใน คสช.ให้การช่วยเหลือเรื่องคดี ตรวจสอบได้จากการเคลื่อนไหวที่กรุงเทพฯ สื่อหลายสำนักได้รับการพยายามพูดถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน คสช.จนเกิดกระแสล้มคดีโดยเฉพาะการสอบสวนของจังหวัดขอนแก่น ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 15 วัน ทั้งการแจ้งความร้องทุกข์ ทราบว่าพนักงานสอบสวน สภ.บ้านไผ่ ยังไม่เข้าไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด หรือกั้นพื้นที่เพื่อป้องกันจัดแต่งสถานที่ใหม่
นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวว่า โดยชาวบ้านเรียกร้องให้รัฐบาล ใช้อำนาจ มาตรา ม.44 พักการปฏิบัติหน้าที่ของหมอเปรม เชื่อว่าจะได้ข้อมูลที่ชัดแจ้งมากขึ้น ประกอบกับขณะนี้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ ออกไปข่มขู่ผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่ออกมาเปิดเผยข้อมูล ทั้งกลางวันและกลางคืน ทำให้ชาวบ้านเกรงกลัวอิทธิพล.