นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมร่วมกับหลายหน่วยงาน ทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อออกมาตรการดูแลสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ที่ประชุมจึงมอบหมายให้หลายหน่วยงานศึกษาแนวทางการดูแลผู้สูงอายุด้านต่าง ๆ และทยอยประกาศออกมาบังคับใช้ เมื่อมาตรการทำการศึกษาได้ข้อสรุป เช่น กระทรวงการคลังศึกษามาตรการภาษี เมื่อสรุปได้แล้วเตรียมเสนอ ครม.พิจารณา ด้วยการเปิดทางให้บริษทเอกชนนำค่าใช้จ่ายจากการจ้างแรงงานในสัดส่วนร้อยละ 10 ของแรงงานทั้งหมดนำมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ถึง 2 เท่าของค่าใช้จ่าย เพื่อส่งเสริมจ้างงานผู้สูงอายุ
นอกจากนี้ หากลูกหลานคนใดดูแลปู่ย่า ตายาย ญาติผู้ใหญ่ให้เป็นแบบครอบครัวใหญ่ เพื่อต้องการส่งเสริมให้ดูแลคนสูงอายุไม่ทอดทิ้งบิดามารดาจะมีได้รับสิทธิพิเศษหลายด้าน ทั้งภาษีและสิทธิต่าง ๆ เพิ่ม รวมทั้งสั่งการให้กระทรวงการคลังเดินหน้ากองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) เพื่อเป็นแหล่งสะสมเงินออมของผู้มีอาชีพอิสระเอาไว้ใช้เลี้ยงชีพยามชราและยังเร่งรัดผลักดันมาตรการสินเชื่อสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage) ด้วยการให้ธนาคารออมสินและธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดำเนินการ เพื่อดูแลคุณภาพชีวิตคนชรา เมื่อไม่มีลูกหลานที่ต้องการให้เป็นมรดก หรือต้องการใช้เงินในช่วงท้ายของชีวิต สามารถนำบ้านที่ผ่อนชำระหมดแล้วมาจำนองกับแบงก์แล้วให้แบงก์ส่งเงินเข้าบัญชีเป็นรายเดือน โดยใช้บ้านที่มีอยู่ค้ำประกัน
ด้านความมั่นคงชีวิตความเป็นอยู่ การมอบหมายให้การเคหะแห่งชาติ กรมธนารักษ์สร้างที่อยู่อาศัยและให้ ธอส.ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อสร้างสังคมคนชราให้มีกิจกรรมและการอยู่ร่วมกันแบบไม่เหงาเดียวดาย จึงต้องการเร่งรัดแต่ละส่วนให้มีความคืบหน้า ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขจะดูแลเรื่องสุขภาพให้แข็งแรงผ่านกิจกรรมต่าง ๆ กระทรวงแรงงาน กำลังศึกษานำระบบศูนย์กลางข้อมูล เพื่อให้คนชราที่ต้องการมีงานทำลงทะเบียนไว้และหากโรงงาน บริษัท หน่วยงานต้องการแรงงานจากคนชรามาช่วยงานสามารถเข้ามาติดต่อไปช่วยงานได้ ผ่านระบบขนส่ง โรงเรียนแห่งใดต้องการครูพิเศษช่วยสอนเพิ่มเข้ามาติดต่อไป ทั้งนี้ เพื่อต้องการให้คนชราอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี สุขภาพแข็งแรง มีงานทำ เพื่อดำรงชีพได้ในวัยชราอย่างมีความสุข
นอกจากนี้ หากลูกหลานคนใดดูแลปู่ย่า ตายาย ญาติผู้ใหญ่ให้เป็นแบบครอบครัวใหญ่ เพื่อต้องการส่งเสริมให้ดูแลคนสูงอายุไม่ทอดทิ้งบิดามารดาจะมีได้รับสิทธิพิเศษหลายด้าน ทั้งภาษีและสิทธิต่าง ๆ เพิ่ม รวมทั้งสั่งการให้กระทรวงการคลังเดินหน้ากองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) เพื่อเป็นแหล่งสะสมเงินออมของผู้มีอาชีพอิสระเอาไว้ใช้เลี้ยงชีพยามชราและยังเร่งรัดผลักดันมาตรการสินเชื่อสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage) ด้วยการให้ธนาคารออมสินและธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดำเนินการ เพื่อดูแลคุณภาพชีวิตคนชรา เมื่อไม่มีลูกหลานที่ต้องการให้เป็นมรดก หรือต้องการใช้เงินในช่วงท้ายของชีวิต สามารถนำบ้านที่ผ่อนชำระหมดแล้วมาจำนองกับแบงก์แล้วให้แบงก์ส่งเงินเข้าบัญชีเป็นรายเดือน โดยใช้บ้านที่มีอยู่ค้ำประกัน
ด้านความมั่นคงชีวิตความเป็นอยู่ การมอบหมายให้การเคหะแห่งชาติ กรมธนารักษ์สร้างที่อยู่อาศัยและให้ ธอส.ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อสร้างสังคมคนชราให้มีกิจกรรมและการอยู่ร่วมกันแบบไม่เหงาเดียวดาย จึงต้องการเร่งรัดแต่ละส่วนให้มีความคืบหน้า ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขจะดูแลเรื่องสุขภาพให้แข็งแรงผ่านกิจกรรมต่าง ๆ กระทรวงแรงงาน กำลังศึกษานำระบบศูนย์กลางข้อมูล เพื่อให้คนชราที่ต้องการมีงานทำลงทะเบียนไว้และหากโรงงาน บริษัท หน่วยงานต้องการแรงงานจากคนชรามาช่วยงานสามารถเข้ามาติดต่อไปช่วยงานได้ ผ่านระบบขนส่ง โรงเรียนแห่งใดต้องการครูพิเศษช่วยสอนเพิ่มเข้ามาติดต่อไป ทั้งนี้ เพื่อต้องการให้คนชราอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี สุขภาพแข็งแรง มีงานทำ เพื่อดำรงชีพได้ในวัยชราอย่างมีความสุข