ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์” อดีต ส.ส.เพื่อไทย พร้อมทีมทนายความยกขบวนเข้าพบ ผบช.ภาค 5 อ้างต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจกรณีที่ถูกกระแสเชื่อมโยงขบวนการเผยแพร่จดหมายบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ ยอมรับผู้ต้องหาที่ถูกจับเป็นลูกน้องเก่า แต่ปัดเกี่ยวข้องกระทำผิด พร้อมประกาศชัดไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ด้านเจ้าหน้าที่ระบุยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา โดยกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับผู้บงการและเกี่ยวข้อง
ช่วงบ่ายวันนี้ (26 ก.ค. 59) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยทีมทนายความ ที่นำโดย นายจำรงค์ ไชยมงคล ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ผบช.ภ.5)
กรณีที่มีกระแสข่าวถูกเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับขบวนการเผยแพร่จดหมายบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ หลังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ รวมทั้งฝ่ายปกครองมีการเข้าตรวจค้นและเก็บหลักฐานที่บริษัท เชียงใหม่ทัศนาภรณ์ จำกัด ธุรกิจของตระกูล “บูรณุปกรณ์” พร้อมกับเป้าหมายอีกหลายจุด รวมทั้งสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ด้วย
นางสาวทัศนีย์กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์และต้องการขอทราบความชัดเจนจากเจ้าหน้าที่ หลังจากที่มีกระแสข่าวถูกเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับขบวนการเผยแพร่จดหมายบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งตัวเองยังไม่เคยเห็นจดหมาย และเนื้อความในจดหมายดังกล่าว นอกจากทราบจากสื่อว่าเกี่ยวกับเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค และเบี้ยผู้สูงอายุ
ตามความเห็นส่วนตัวก็มองว่า การแสดงความเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด รวมทั้งการส่งจดหมายก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดด้วย
นอกจากนี้ยอมรับด้วยว่า ตามความเห็นส่วนตัวแล้วก็ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญด้วย
สำหรับความเกี่ยวข้องกับนายวิศรุต คุณะนิติสาร ผู้ต้องหาเผยแพร่จดหมายบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญนั้น นางสาวทัศนีย์ยอมรับว่ารู้จักกับผู้ต้องหาคนดังกล่าวเพราะเป็นลูกน้องเก่าที่เคยทำงานร่วมกัน ส่วนนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ที่ขณะนี้อยู่ในต่างประเทศนั้น ได้มีการติดต่อพูดคุยกันแล้ว และยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ โดยการเดินทางไปต่างประเทศในครั้งนี้ก็ได้มีการแจ้งลาล่วงหน้าไว้ 3 เดือนแล้ว
ส่วนเมื่อสอบถามเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้น และยึดหลักฐานมาได้จากบริษัท เชียงใหม่ทัศนาภรณ์ จำกัด นั้น นางสาวทัศนีย์กล่าวว่า เบื้องต้นเท่าที่ทราบมีการยึดไปแต่ซองจดหมายเปล่า ซึ่งไม่น่าจะมีความผิดอะไร
ขณะที่เมื่อถามว่าผู้ต้องหาให้การว่าไปรับจดหมายมาจากคนบริษัท เชียงใหม่ทัศนาภรณ์ จำกัด แล้วนำไปส่งไปรษณีย์ เกี่ยวข้องกับนางสาวทัศนีย์หรือไม่นั้น ทางทนายความได้กล่าวแทรกขึ้นมาว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าจดหมายดังกล่าวผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติหรือไม่ โดยหากไม่ผิดไม่ว่าจะให้ผู้ใดนำไปส่งก็ไม่มีความผิด ทั้งนี้ยอมรับว่ามีจดหมายบางฉบับที่นางสาวทัศนีย์ให้นำไปส่ง แต่ยืนยันว่าไม่ผิดกฎหมายแน่นอน
ด้าน พลตำรวจโท ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า การเข้าพบของนางสาวทัศนีย์ในครั้งนี้ไม่ได้มีการนัดหมายกันไว้ล่วงหน้า เป็นการเข้ามาแสดงความบริสุทธิ์ใจ และขอคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้แจ้งในเบื้องต้นแล้วว่าขณะนี้ยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาใดๆ
สำหรับความคืบหน้าของคดีนี้ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งทำงานอย่างหนักเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนารัดกุมเพื่อขออนุมัติออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยคำให้การรับสารภาพของผู้ต้องหาที่บอกว่าได้รับการสั่งการจากผู้ใด, อย่างไร และมีผู้เกี่ยวข้องเป็นผู้ใดบ้างนั้น ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก เมื่อประกอบกับการตรวจพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พยานบุคคล คำรับสารภาพ และพยานแวดล้อมต่างๆ ทำให้มีความมั่นใจ 100%
ขณะที่การสืบสวนสอบสวนจะเชื่อมโยงไปถึงต้นตอ หรือคนเกี่ยวข้องระดับผู้บงการหรือไม่นั้น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นนี้ต้องมีผู้สั่งการแน่นอน อย่างไรก็ตามจำเป็นจะต้องเสาะแสวงหาข้อมูลหาพยานหลักฐานเชื่อมโยงกันให้มากที่สุดตามหน้าที่ของพนักงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งการทำงานจะต้องดำเนินไปตามข้อเท็จจริง
โดยที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการเน้นย้ำกำชับให้ทำงานนี้อย่างรอบคอบ บริสุทธิ์ ยุติธรรม ส่วนจะมีการเชื่อมโยงขยายผลไปยังจังหวัดอื่นๆ หรือไม่นั้น หากหลักฐานมีการบ่งชี้เชื่อมโยงไปถึงก็จะดำเนินการทั้งหมด
