กาฬสินธุ์ - ผู้ใหญ่บ้านโต้นยืนยันสามพี่น้องชาวอำเภอยางตลาด กาฬสินธุ์เข้าไปเก็บเศษไม้ทำฟืนเผาถ่านจริง ส่วนไม้ของกลางไม่ใช่ไม้ของสามพี่น้อง ด้านที่ปรึกษาศูนย์ยุติธรรมตำบลคลองขามเตรียมเดินสายขอความเป็นธรรมยื่นหนังสือต่ออัยการ จ.กาฬสินธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ขอรื้อคดีใหม่ ด้านสามพี่น้องเผยสภาพชีวิตสุดรันทด เบาหวานกำเริบ แม่วัย 80 ที่ตาบอด ป่วยโรคซึมเศร้า
จากกรณี น.ส.ประดิษฐ์ ภูนามูล อายุ 50 ปี นายถนอม ภูนามูล อายุ 49 ปี และนางทองผุด แจ้งเณร อายุ 42 ปี ชาว ต.คลองขาม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ทั้ง 3 คนเป็นพี่น้องกัน พร้อมชาวบ้านรวมตัวกันร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อ นายวิทยา บุญตาโลก นายก อบต.คลองขาม ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์ยุติธรรมตำบล และ ร.ต.ประธาน ประไชยโย หัวหน้าชุดปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อย ม.พัน.14 จ.กาฬสินธุ์ หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยางตลาดจับกุมในข้อหามีไม้พะยูงหวงห้ามในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยทั้งสามคนระบุว่าถูกกลั่นแกล้ง พร้อมขอความช่วยเหลือในกระบวนการยุติธรรม ให้ตรวจสอบการทำสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รื้อคดีและคืนความเป็นธรรม ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (20 ก.ค. 59) นายวิทยา บุญตาโลก นายก อบต.คลองขาม ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์ยุติธรรมตำบลคลองขาม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังได้รับการร้องทุกข์จากสามพี่น้อง ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารตรวจสอบหลักฐานจับกุมดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยางตลาด พร้อมลงพื้นที่พิสูจน์ที่ตอต้นพะยูงในบริเวณป่าช้าท้ายหมู่บ้านที่สามพี่น้องเข้าไปเก็บเศษไม้มาทำฟืนเผาถ่าน และไปที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กส.1 (ดงมูล) ต.คำใหญ่ อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรักษาของกลาง พบความผิดปกติหลายประการ ส่อถึงความไม่โปร่งใสในการทำสำนวน จึงได้เตรียมทำหนังสือร้องทุกข์ไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม เพื่อคืนความเป็นธรรมให้สามพี่น้องโดยเร็ว
หนังสือร้องทุกข์ที่กำลังรวบรวมข้อมูลนี้จะนำไปยื่นต่อสำนักงานควบคุมความประพฤติ จ.กาฬสินธุ์ เรือนจำ จ.กาฬสินธุ์ และอัยการ จ.กาฬสินธุ์ เพื่ออุทธรณ์และเลื่อนระยะเวลาส่งฟ้องคดีของสามพี่น้องตามความเหมาะสม ตนมั่นใจว่าสามพี่น้องไม่มีเจตนาทำผิดกฎหมาย เพราะเป็นชาวบ้านธรรมดา ฐานะยากจน หาเช้ากินค่ำไร้ที่ทำกิน ไม่เคยมีพฤติกรรมข้องเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมายและไม้พะยูง ผู้ใหญ่บ้านและเจ้าอาวาสวัดเห็นว่าเป็นครอบครัวที่น่าสงสาร ตั้งใจทำมาหากินโดยสุจริต จึงอนุญาตให้เข้าไปเอาเศษไม้ในป่าช้ามาทำฟืนเผาถ่านเท่านั้น
ไม่ได้เข้าไปลักลอบตัดหรือขนย้ายไม้พะยูงมาแปรรูปหรือครอบครองแต่อย่างใด โดยเฉพาะเศษไม้พะยูงที่สามพี่น้องนำออกมาจากป่าช้านั้น ทุกคนต่างยืนยันเป็นเศษปลายไม้แห้งๆ ผุๆ แต่หลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ประกอบสำนวนแจ้งข้อหากลับเป็นไม้ท่อนขนาดใหญ่ถึง 10 ท่อน ซึ่งผู้ใหญ่บ้านที่อนุญาตให้เข้าไปเอาไม้ก็ยืนยันว่าของกลางที่เห็นเป็นท่อนๆ นี้ไม่ใช่เศษไม้ในป่าช้า เมื่อเป็นอย่างนี้ตนก็ยอมไม่ได้ ในฐานะผู้นำชุมชนและเป็นที่ปรึกษาศูนย์ยุติธรรมตำบลจึงต้องผดุงความยุติธรรมให้ชาวบ้าน
ด้าน น.ส.ประดิษฐ์ ภูนามูล อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 83 หมู่ 5 บ้านโต้น ต.คลองขาม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พี่สาวคนโต หนึ่งในผู้ต้องหากล่าวว่า หลังจากที่พวกตนสามพี่น้องถูกแจ้งข้อหาหนักดังกล่าวแทบไม่เป็นอันทำมาหากิน ซึ่งตนมีโรคประจำตัวป่วยเป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว อาการยิ่งทรุดหนักแทบช็อกเสียชีวิตเพราะเบาหวานขึ้นสูงถึง 700 กังวลเรื่องที่เกิดขึ้นถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ
“พี่น้องคนอื่นก็เป็นทุกข์หนัก เพราะต่างเป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัว และมีลูกหลานเล็กๆ ในอุปการะรวมถึง 10 ชีวิต ยังต้องคอยสับเปลี่ยนกันดูแลแม่ตาบอดอายุ 80 ปี ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เมื่อรู้ว่าลูกสามคนถูกแจ้งข้อหาหนักก็เกิดโรคเครียด ซึมเศร้า น่าเวทนามาก ยิ่งซ้ำเติมสภาพจิตใจให้ล้มป่วยกันทั้งครอบครัว ต้องอุ้มลูกจูงหลานเสียค่ารถไปขึ้นศาลอีก หากถูกศาลตัดสินให้ติดคุกคงตรอมใจตาย จริงๆ แล้วเข้าไปเอาเศษไม้แห้งมาทำฟืนเผาถ่านใช้ในครัวเรือน ส่วนที่เห็นเป็นท่อนๆ ที่ตำรวจอ้างว่าเป็นไม้ที่พวกเรานำออกมาจากป่าช้านั้น ยืนยันไม่ใช่แน่นอน” น.ส.ประดิษฐ์กล่าว
ขณะที่นายวิชัย ภูวาดสาย ผู้ใหญ่บ้านโต้น ม.5 ต.คลองขาม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า คณะกรรมการหมู่บ้านได้ประชุมกันมีมติให้ชาวบ้านที่มีฐานนะยากจน ไม่มีที่ทำกินสามารถเข้าไปในป่าช้าเก็บเศษไม้มาทำฟืนเผาถ่านได้ ตนและเจ้าอาวาสอนุญาตให้ทั้งสามพี่น้องเข้าไปเก็บเศษไม้มาทำฟืนเผาถ่านเพราะเห็นว่ามีฐานะยากจน การเข้าไปเก็บไม้ดังกล่าวเป็นเพียงเก็บเศษปลายไม้เก่าผุมาทำฟืน ส่วนลำต้นไม้พะยูงถูกคนร้ายลักลอบตัดไปนานแล้วตั้งแต่ปี 2556 เหลือแต่ตอผุพัง ไม่เข้าใจว่าทำไมชาวบ้านจึงมาถูกจับ ตนยืนยันว่าไม้ของกลางที่ยึดไว้และนำมาเป็นของกลางนั้นไม่ใช่ไม้ที่สามพี่น้องเก็บมา
ด้านนายวิทยา บุญตาโลก นายก อบต.คลองขาม ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์ยุติธรรม ต.คลองขาม แจ้งว่า การเดินสายยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมนั้น นอกจากจะยื่นต่อสำนักงานควบคุมความประพฤติ จ.กาฬสินธุ์, เรือนจำ จ.กาฬสินธุ์ และอัยการ จ.กาฬสินธุ์แล้ว ยังจะทำหนังสือขอความเป็นธรรมไปยื่นต่อ สภ.ยางตลาด ซึ่งเป็นเจ้าของคดี รวมทั้ง พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล ผู้บัญชาการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ และ พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 อีกด้วย ทั้งนี้เพื่อขอให้รื้อคดีใหม่ โดยจะเริ่มยื่นหนังสือตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (21 ก.ค.) เป็นต้นไป