ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวชุมชนอ่าวอุดม พอใจโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ ใส่ใจปัญหาสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชน หลังขึ้นโครงการขยายโรงกลั่นฯ หวังให้โรงกลั่น และชุมชนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดไป
วันนี้ (29 มิ.ย.) นายสนธิ คชวัฒน์ ประธานที่ปรึกษาโครงการประสานความเข้าใจบ้านอ่าวอุดม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชุมชนบ้านอ่าวอุดม ในโครงการขยายโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ ซึ่งหวั่นจะส่งผลกระทบต่อชุมชนที่อยู่ใกล้กับโรงกลั่น โดยมีตัวแทนชุมชนบ้านอ่าวอุดม และตัวแทนเครือไทยออยล์ ร่วมประชุมปรึกษาหารือ ที่ศูนย์สุขภาพและการเรียนรู้เครือไทยออยล์เพื่อชุมชน
โดยที่ผ่านมา ชาวบ้านในชุมชนบ้านอ่าวอุดม ซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่ติดกับโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ มากที่สุด หวั่นได้รับผลกระทบจากโครงการขยายโรงกลั่นน้ำมัน จึงได้เสนอแนวทางในการป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะหากไม่ร่วมกันวางมาตรการในการป้องกัน อาจจะส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนขึ้นในอนาคต
นายสนธิ กล่าวว่า สำหรับชาวบ้านอ่าวอุดม ที่เสนอแนวทางต่างๆ แก่โรงกลั่น ประกอบด้วย 1.การติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในบรรยากาศอัตโนมัติ 2 แห่ง ในชุมชนตามทิศทางลม และตามแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ โดยต้องติดตั้งที่บ้านอ่าวอุดม 1 จุด และที่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา อีก 1 จุด 2.ตรวจวัดสารเบนซินในชุมชนตามที่แบบจำลองแสดงค่าสูงสุดเดือนละครั้ง อย่างน้อย 4 จุด และตรวจวัดสารเบนซินริมรั้วของโรงงานไม่น้อยกว่า 4 จุดทุกเดือน พร้อมสารอินทรีย์ระเหยง่าย และ open path ที่แหล่งกำเนิดในไทยออยล์ให้ชุมชนรับทราบทุก 6 เดือน
3.การปล่อยควันดำจากปล่องระบาย หากปล่อยควันดำ หรือ flare เกิน 30 นาที ต้องหยุดกระบวนการผลิตทันที 4.เมื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติต้องแจ้งให้คณะกรรมการที่ปรึกษาในพื้นที่ทราบทันที ตามช่องทางสื่อสารต่างๆ 5.กำหนดให้คณะกรรมการที่ปรึกษาในพื้นที่ทำการตรวจสอบการดำเนินการทั้งในช่วงการก่อสร้าง และเปิดดำเนินการเดือนละ 1 ครั้ง
6.สนับสนุนงบประมาณ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และสุขภาพอนามัยให้แก่ชุมชนบ้านอ่าวอุดม ประมาณ 3,000 กว่าคนทุกปี ตั้งแต่เริ่มก่อสร้างโครงการ 7.สนับสนุนการทำประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแก่ชุมชนประมงอย่างน้อยปีละครั้ง 8.ต้องทำการตรวจวัดเสียงรบกวนริมรั้ว ทุก 3 เดือน 9.สนับสนุนให้ชุมชนทำแผนอพยพของตนเองอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
10.ต้องทำการตรวจสุขภาพ และเฝ้าระวังการเกิดมะเร็งในชุมชนระยะทาง 3 กิโลเมตร หรือ 5 กิโลเมตร รอบรั้วโรงงานอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง 11.ทำการตรวจเช็กรอยรั่วของวัสดุอุปกรณ์ เช่น ปั๊ม วาล์ว ถัง ท่อ ทุกจุดปีละ 1 ครั้ง 12.ส่งรายงานผลการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้คณะกรรมการที่ปรึกษาในพื้นที่และหน่วยงานที่รับผิดชอบทุก 6 เดือน 13.กำหนดเส้นทางขนวัสดุและพนักงานไม่ให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนในช่วงการก่อสร้าง 14.สนับสนุนการส่งเสริมอาชีพแก่ชุมชน และ 15.สนับสนุนการศึกษากับลูกหลานชุมชนบ้านอ่าวอุดม ทุกปี
นายสนธิ กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอดังกล่าวที่เสนอต่อตัวแทนบริษัทไทยออยล์ ซึ่งทางบริษัทฯพร้อมปฏิบัติตามข้อเสนอต่างๆ และพร้อมส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยสร้างความพึงพอใจต่อคณะกรรมการชุมชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และสุขภาพอนามัยให้แก่ชุมชนบ้านอ่าวอุดมเพราะอย่างไรก็ตาม โรงกลั่นจะต้องอยู่คู่กับชุมชนตลอดไป ดังนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายจึงต้องร่วมมือกัน เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
