นครปฐม - กรมปศุสัตว์ สนธิกำลังทหาร ตำรวจกองปราบฯ วางแผนนำกำลังจู่โจมตรวจสอบการใช้สารเร่งเนื้อแดง และสารต้องห้ามที่เป็นอันตรายในการบริโภคร วมถึงสิ่งผิดกฎหมายในฟาร์มหมูเมืองนครปฐม พบฟาร์มใหญ่ ชื่อ “ABJ” พื้นที่ตำบลหนองดินแดง เมืองนครปฐม ของผู้ใหญ่คนดังมีสารเร่งเนื้อแดงในตัวสุกร เตรียมอายัดห้ามเชือดสุกรจนกว่าจะพบไร้สาร ปลัด ก.เกษตรฯ สั่งเข้มเอาผิดจริงจังนับจากนี้ นอกจากนี้ ยังพบแรงงานต่างด้าวอีกกว่า 40 ราย ที่มีเอกสารผิดประเภท และใช้แรงงานอายุต่ำกว่ากฎหมายกำหนดด้วย
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (17 มี.ค.) ที่ห้องอำนวยการ ค่าทองฑีฆายุ กรมการสัตว์ทหารบก อ.เมือง จ.นครปฐม นายสรวิศ ธานีโต รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ พร้อมด้วย นายประวัติ รัตนภุมมะ ผู้ช่วยอธิบดีกรมปศุสัตว์ พ.ท.ปิยะวิทย์ ชนะชัย ผบ.ชป.พท. พ.ท.อรรณนพ ชอบประดิษฐ์ รอง ผบ.ชป.พท.กรมการสัตว์ทหารบก ร.อ.พงศกร สรสิทธิ์ รอง หน.ชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน กรมการสัตว์ทหารบก พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. และกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย ร่วมวางแผน และลงพื้นที่เป้าหมายเพื่อตรวจสอบการใช้สารเร่งเนื้อแดง และสารต้องห้ามที่เป็นอันตรายในการบริโภค รวมถึงสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ โดยกระจายกำลังออกค้นพื้นที่ 4 เป้าหมายหลัก และไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานลงพื้นที่
ต่อมา เมื่อเวลา 13.00 น. นายธีรภัทร์ ประยูรสิทธิ์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางมาสมทบโดยลงไปในยังจุดเป้าหมายที่ 2 ฟาร์มเลี้ยงสุกร ชื่อ ABJ เลขที่ 140 ม.1 ต.หนองดินแดง อ.เมือง จ.นครปฐม ของนายบุญเทพ จุลพินิจพิฐวงศ์ หรือผู้ใหญ่แกละ ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 200 ไร่ และเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ มีโรงเลี้ยงสุกร 15 โรงเลี้ยง มีสุกรแม่พันธุ์กว่า 1,000 ตัว และลูกสุกรกว่า 10,000 ตัว
ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบตามหมายค้นจากศาลจังหวัดนครปฐม พบภายในมีการกก่อสร้างโรงเรือนเลี้ยงสุกรอีกหลายโรงเพิ่มเติม และได้ควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวชาวพม่ากว่า 40 คน ที่กำลังทำงาน และพักผ่อนอยู่ในห้องพักคนงานมาตรวจสอบเอกสาร
ขณะที่กำลังอีกชุดนำโดย นายเลิศชัย จินตพิทักกุล ผู้อำนวยการศูนย์ฯ นำสัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่เข้าเก็บตัวอย่างปัสสาวะของสุกรเพื่อหาสาเร่งเนื้อแดง โดยพบว่า สุกรหลายตัวจากหลายโรงเลี้ยงมีการพบสารเร่งเนื้อแดงแสดงผลเป็นบวก จึงได้เร่งเก็บตัวอย่างโดยละเอียดเพื่อนำไปคัดแยกว่ามีสารอะไรบ้าง
ขณะเดียวกัน กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม และกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจากกรมการสัตว์ทหารบก ได้ตรวจสอบหาสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ และตรวจสอบแรงงานต่างด้าว พบว่า หลายรายยังไม่มีเอกสารเข้าทำงานอย่างถูกต้อง จึงได้เชิญตัว นายบุญเทพ หรือผู้ใหญ่แกละ เข้าชี้แจง และให้นำเอกสารต่างๆ มาแสดง โดยเตรียมส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม เข้าสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่างข้อหาต่างๆ อย่างละเอียด
นายธีรภัทร์ ประยูรสิทธิ์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การเข้าตรวจสอบแบบจู่โจมในครั้งนี้ในการตรวจค้นทั้ง 3 จุดเป้าหมายในช่วงเช้า ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่ในช่วงบ่ายในจุดเป้าหมายที่ 2 ได้มีการตรวจค้นพบมีการใช้สารที่ไม่ถูกต้องเป็นสารเร่งเนื้อแดงในฟาร์มแห่งนี้ซึ่งมีขนาดใหญ่ และเป็นเป้าหมายที่เราได้ติดตามจับตามานาน และกำลังตรวจสอบอยู่โดยจะมีการเร่งประสานงานในการตรวจสอบกับฝ่ายสืบสวนว่า สารดังกล่าวได้มาจากที่แห่งใด ซึ่งจะมีการขยายไปยังจุดที่มีการซื้อขายอีกด้วย
“เราจะมีการติดตามในเรื่องนี้ทุกๆ ที่ที่มีการเลี้ยงสุกรทั่วประเทศ และขอให้ผู้ประกอบการมีการควบคุมคุณภาพ และสุขภาพของสัตว์ และปศุสัตว์ต่างๆ และเป็นเรื่องที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ได้มีการเน้นย้ำในเรื่องของการที่สินค้าเกษตรต้องปลอดภัย โดยยุทธการนี้เราเปิดดำเนินการมาหลายเดือนแล้ว ซึ่งจะทำควบคุมไปพร้อมๆ กับเรื่องของการใช้ยาไม่ถูกต้อง ยาปลอม ปุ๋ยปลอม เมล็ดพันธุ์ปลอม โดยมีสารวัตรปศุสัตว์ และประมงมาดำเนินการเข้ม โดยจะประสานไปยัง ปปง. ให้เข้ามาตรวจสอบด้วย” ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว
นายสรวิศ ธานีโต รองอธบิดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า การเข้าตรวจสอบแบบสนธิกำลังโดยเน้นไปที่การใช้สารเร่งเนื้อแดง และพบมีหลายตัวอย่าง ซึ่งในตอนนี้จะไม่อนุญาตให้นำสุกรไปยังโรงฆ่าสัตว์ และจะนำอาหารของสัตว์ไปตรวจด้วย โดยจะนำข้อมูลไปพิจารณาแจ้งความในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ.2558 โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท และขอเตือนเกษตรกรว่าห้ามทั้งสุกร และโคกระบือห้ามมีการใช้สารเหล่านี้เด็ดขาด และจะมีการเข้มในเรื่องนี้ต่อไป
นายประวัติ รัตนภุมมะ ผช.อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า กรมปศุสัตว์ได้กำหนดให้มีการกวดขันเรื่องนี้โดยเรื่องของสารเนื้อแดงมีปัญหากับประชาชนทั้งในเรื่องของโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด ที่ผ่านมา เราได้ดำเนินการในการปราบปรามสารใช้สารเร่งเนื้อแดงมาอย่างมากมาย โดยตอนนี้กำลังอยู่ในการดำเนินคดีความ ประมาณ 50 แห่ง โดยการดำเนินการตรวจพบจากผู้ประกอยการที่นำสุกรมายังโรงเชือด และได้มีการขยายผลไปยังแหล่งของการซื้อขาย และแหล่งผลิตสารเร่งเนื้อแดง
“ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการตรวจค้นในฟาร์ม โดยใช้การตรวจคัดกรองจะมีความแม่นยำเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ และไปตรวจที่ห้องทดลองก็แทบจะพบเกือบทั้งหมด โดยวันนี้พบสารเร่งเนื้อแดงจากหลายตัวอย่างมาก ซึ่งน่าจะแน่ชัดว่ามีการใช้สารเร่งเนื้อแดงโดยจะมีการดำเนินคดีอย่างจริงจังด้วย” นายประวัติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากจะมีการจู่โจมเข้าตรวจค้นผู้ประกอบการที่มีการใช้สารเร่งเนื้อแดงในครั้งนี้แล้ว ยังพบว่า จังหวัดนครปฐมเป็นพื้นที่ที่เลี้ยงสุกรเป็นจำนวนมาก โดยยังมีการร้องเรียนถึงเรื่องของการชำแหละสุกรในตลาดที่ติดริมถนนโดยไม่มีสถานที่ปิดมิดชิด และการขนย้ายใส่รถบรรทุกขับไปในพื้นที่ต่างๆ โดยไม่มีผ้าใบปิดคลุมให้มิดชิด สร้างความอุจาดตาให้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวที่ผ่านมาพบบ่อยครั้งอีกด้วย