ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติจัดกิจกรรม 5 จุดใหญ่ทั่วประเทศ เชิญชวนคนไทยร่วมชมปรากฏการณ์สุริยุปราคาเหนือฟ้าเมืองไทย ช่วงเช้าตรู่วันที่ 9 มี.ค. 59 โดยในประเทศไทยจะเป็นสุริยุปราคาบางส่วน หากพลาดแล้วต้องรออีกเกือบ 4 ปี ขณะที่สุริยุปราคาเต็มดวงต้องรออีก 54 ปี
นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ หัวหน้างานบริการวิชาการดาราศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร. เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 มี.ค. 59 จะเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาขึ้น โดยในส่วนของประเทศไทยจะเห็นเป็นสุริยุปราคาบางส่วน สามารถเห็นได้ทุกภูมิภาคของประเทศในเวลาแตกต่างกัน ตั้งแต่เวลาประมาณ 06.20 น. จนถึง 08.40 น.
ที่กรุงเทพฯ ดวงจันทร์จะเริ่มเข้าสู่สัมผัสที่ 1 เวลาประมาณ 06.38 น. และสิ้นสุดในเวลาประมาณ 08.32 น. ขณะที่ในแต่ละภูมิภาคจะมองเห็นคราสการบังไม่เท่ากัน ซึ่งร้อยละการบังขึ้นอยู่กับระยะทางที่ผู้สังเกตอยู่ห่างจากแนวคราสเต็มดวง โดยที่ปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วนในประเทศไทยครั้งนี้ดวงอาทิตย์จะถูกบังมากที่สุด บริเวณภาคใต้ ที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ประมาณร้อยละ 69 ส่วนทางภาคเหนือที่จังหวัดเชียงรายดวงอาทิตย์จะถูกบังเพียงร้อยละ 23
ทั้งนี้ สดร.จะมีการตั้งจุดสังเกตการณ์สุริยุปราคาบางส่วน พร้อมเชิญชวนประชาชนและผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสังเกตปรากฏการณ์สุริยุปราคาเหนือฟ้าเมืองไทย ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่วันที่ 9 มี.ค. 59 5 จุดใหญ่ทั่วประเทศ ได้แก่
กรุงเทพฯ ที่สวนเบญจกิติ, จังหวัดเชียงใหม่ ที่ดาดฟ้าห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล, จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา, จังหวัดนครราชสีมา ที่หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา นครราชสีมา และจังหวัดสงขลา ที่ลานชมวิวนางเงือก หาดสมิลา
ในแต่ละจุดจะมีการติดตั้งกล้องโทรทรรศน์ และอุปกรณ์สังเกตการณ์คุณภาพสูง พร้อมผู้เชี่ยวชาญจาก สดร.คอยให้ความรู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์ในครั้งนี้ด้วย นอกจากนี้ยังร่วมกับเครือข่ายดาราศาสตร์อีกกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ จากโครงการกระจายโอกาสเรียนรู้ดาราศาสตร์ ซึ่งได้รับกล้องโทรทรรศน์ สื่อการเรียนรู้ และอุปกรณ์ จัดกิจกรรมสังเกตการณ์ปรากฏการณ์ในครั้งนี้ด้วย
สำหรับปรากฏการณ์สุริยุปราคาในครั้งนี้ นายศุภฤกษ์บอกว่า ในประเทศไทยจะเห็นเป็นสุริยุปราคาบางส่วน แต่จะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงที่เมืองเตอร์นาเต หมู่เกาะโมลุกกะ ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระราชหฤทัยและกำหนดเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตร ณ ประเทศอินโดนีเซียด้วย ขณะที่ทาง สดร.ก็จะมีการจัดทีมงานเดินทางไปสำรวจและเก็บข้อมูลเช่นกัน
ทั้งนี้ หลังจากปรากฏการณ์สุริยุปราคาในครั้งนี้แล้ว ประเทศไทยจะเห็นปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วนอีกครั้งในวันที่ 26 ธ.ค. 2562 และจะเห็นปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวงอีกครั้งในวันที่ 11 เม.ย. 2613 หรืออีก 54 ปี ข้างหน้า ที่อำเภอว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ เพราะเป็นชุดเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงคำนวณไว้ได้อย่างแม่นยำว่าจะเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2411
ส่วนวิธีสังเกตปรากฏการณ์สุริยุปราคาอย่างปลอดภัย นายศุภฤกษ์ย้ำว่า ดวงอาทิตย์นอกจากจะให้ความร้อนแล้ว ยังให้แสงสว่างที่มีความเข้มสูงมาก แม้ขณะเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วนหรือสุริยุปราคาวงแหวน แสงอาทิตย์ก็ยังเป็นอันตรายต่อสายตาจนส่งผลให้ตาบอดได้
ทั้งนี้ กำชับเตือนว่าในการสังเกตปรากฏการณ์นี้ห้ามมองดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่าอย่างเด็ดขาด และห้ามสังเกตผ่านอุปกรณ์ที่ไม่ทึบแสงพอ รวมทั้งห้ามสังเกตผ่านกล้องโทรทรรศน์และกล้องสองตาที่ไม่มีฟิลเตอร์กรองแสง
นอกจากนี้ ห้ามบันทึกภาพดวงอาทิตย์ด้วยกล้องดิจิตอล กล้องจากโทรศัพท์มือถือ หรือกล้องถ่ายภาพ DSLR ที่ติดเลนส์ที่มีกำลังขยายสูง เนื่องจากเลนส์ของกล้องต่างๆ เหล่านี้มีคุณสมบัติในการรวมแสงและความร้อน การมองภาพที่ส่องจากเลนส์ไปยังดวงอาทิตย์โดยตรง ภาพของดวงอาทิตย์ที่ได้จากอุปกรณ์ดังกล่าวจะมีความสว่างจ้ามาก อาจทำให้สูญเสียความสามารถในการมองเห็นอย่างถาวรทันที