ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เชียงใหม่ตรวจติดตามการเตรียมความพร้อมของ กปภ.ในการรับมือสถานการณ์ภัยแล้ง เผยห่วง 4 จังหวัดภาคเหนือวิกฤต แต่เบื้องต้นมั่นใจเชียงใหม่ไร้ปัญหาหลังมีแผนบริหารจัดการร่วมกับทางชลประทานทำให้มีน้ำผลิตประปาได้อย่างน้อยถึงเดือน พ.ค. 59 นอกจากนี้ยังมีการเตรียมแหล่งน้ำสำรองอีก 1 ล้านลูกบาศก์เมตร พอใช้ได้อีก 1 เดือน
วันนี้ (4 ก.พ. 59) ที่การประปาส่วนภูมิภาคสาขาเชียงใหม่ (ชั้นพิเศษ) อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายจิรชัย มูลทองโร่ย รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เป็นประธานประชุมมอบนโยบายการทำงานให้ผู้จัดการ กปภ., พนักงานและเจ้าหน้าที่ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งติดตามการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้งในปี 2559 นี้ โดยมีนายปฏิญญา เพ็ชรมาก ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาค (ชั้นพิเศษ) สาขาเชียงใหม่ รายงานข้อมูลสถานการณ์และการเตรียมความพร้อมต่างๆ
รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เปิดเผยว่า ในภาคเหนือมีพื้นที่ที่มีความเป็นห่วงว่าการผลิตน้ำประปาจะได้รับผลกระทบจากภัยแล้งเนื่องจากประสบปัญหาขาดแคลนแหล่งน้ำดิบ 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่, ลำพูน, แพร่ และพะเยา
ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ที่ใช้แหล่งน้ำหลักจากเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล และเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ซึ่งจากการตรวจติดตามพบว่าขณะนี้ได้มีการเตรียมความพร้อมต่างๆ ไว้เป็นอย่างดีแล้วในการบริหารจัดการแหล่งน้ำร่วมกับทางชลประทาน ทั้งนี้ สามารถทำการผลิตน้ำประปาได้อย่างเพียงพอถึงช่วงเดือน พ.ค. 59 อย่างแน่นอน หากช่วงนั้นเริ่มมีฝนตกลงมาสถานการณ์ภัยแล้งก็จะคลี่คลายไป
นอกจากนี้ ในกรณีที่ฝนทิ้งช่วงก็ได้มีการจัดเตรียมแหล่งน้ำสำรองไว้แล้วเป็นอ่างเก็บน้ำของส่วนราชการและพื้นที่ทหารที่มีปริมาณน้ำกักเก็บสำรองไว้ประมาณ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร เพียงพอสำหรับทำการผลิตน้ำประปาใช้ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ได้ประมาณ 1 เดือน ซึ่งเบื้องต้นมั่นใจว่าจังหวัดเชียงใหม่จะไม่มีปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับการผลิตน้ำประปาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม นายจิรชัยย้ำว่า แม้จะมีความเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้จะไม่ส่งผลกระทบทำให้จังหวัดเชียงใหม่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อทำการผลิตน้ำประปา แต่ยังคงต้องขอความร่วมมือจากประชาชนและทุกภาคส่วนให้ช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัดและ รู้คุณค่า เพื่อปริมาณน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดถูกใช้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด
ส่วนภาพรวมของทั้งประเทศนั้น นายจิรชัยบอกว่า จากการประเมินในปี 2559 มีสาขาของการประปาส่วนภูมิภาค ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำดิบเพื่อน้ำมาผลิตน้ำประปาจำนวน 24 สาขา รวมกับที่ประสบปัญหาในปี 2558 ที่ผ่านมาจำนวน 33 สาขา รวมเป็นทั้งสิ้น 57 สาขา จากทั้งหมด 234 สาขาทั่วประเทศ โดยเวลานี้ได้มีการจัดสรรงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาแล้วด้วยการจัดหาแหล่งน้ำดิบเพิ่มเติมนอกเหนือจากแหล่งน้ำของชลประทาน ด้วยการพัฒนาแหล่งน้ำเดิมและแหล่งน้ำใหม่ในพื้นที่ ทั้งอ่างเก็บน้ำหรือบ่อบาดาล รวมทั้งการติดตั้งสถานีผลิตเคลื่อนที่และวางท่อไปยังพื้นที่ที่มีปัญหา เป็นต้น เมื่อแล้วเสร็จเชื่อว่าจะสามารถรับมือกับปัญหาได้ดีขึ้น
