xs
xsm
sm
md
lg

กองทุนฟื้นฟูฯ หารือร่วมผู้บริหารโครงการไทยทาวน์เตรียมนำข้อมูลเสนอรัฐบาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร หารือร่วมผู้บริหารโครงการไทยทาวน์ เตรียมนำข้อมูลเสนอรัฐบาล ชี้เป็นโปรเจกต์ระดับประเทศที่จะเป็นประตูเพื่อยกระดับฐานะให้เกษตรกรไทย



วันนี้ (7 ม.ค.) นายวัชระพันธ์ จันทรขจร เลขาธิการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พร้อมด้วยคณะ หารือร่วมกับผู้บริหารโครงการไทยทาวน์ ประกอบด้วย นายจง อัน เพิง ประธานบริษัท นายหลิน ซิง ฉาง รองประธานบริษัท และนายศุภดณ โฉมมงคล รองประธานบริษัท ณ ห้องรอยัลเบงกอร์ สวนเสือศรีราชา เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการ หลังจากที่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ได้เดินทางไปศึกษาดูงาน และความเป็นได้ของโครงการที่จะนำใช้กับนโนบายของรัฐบาลที่จะช่วยเหลือเกษตรกรไทย เพื่อนำเสนอรัฐบาลโดยผ่าน ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี

นายวัชระพันธ์ จันทรขจร เลขาธิการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เผยว่า ก้าวนี้เป็นก้าวเล็กๆแต่จะเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ต่อไป โครงการนี้ถือเป็นประตูเปิดโอกาสให้เกษตรกรไทยได้เป็นผู้ค้ามองว่าเป็นโครงการทีมีอนาคต และคิดว่าสามารถทำได้จริง และการเดินทางไปศึกษาลู่ทางในครั้งนี้ได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดีจากรัฐบาลท้องถิ่นของประเทศจีน

การหารือในครั้งนี้ถือว่ามีโครงการมีก้าวหน้าไปมากแล้ว และมีความเป็นไปได้สูง ซึ่งถือว่าเป็นโครงการทีดีโครงการหนึ่งที่จะช่วยเหลือเกษตรกรไทยให้มีการยกฐานะของให้ดีขึ้นจากที่เคยเป็นแค่ผู้ผลิต แต่โครงการไททาวน์จะทำให้เกษตรการไทยกลายเป็นทั้งผู้ผลิต และผู้ค้า ซึ่งจะทำให้เกษตรกรไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง

ในความเป็นจริงแล้วเราไม่ได้คิดว่าพ่อค้าคนกลางไม่ดี แต่หากเกษตรกรไทยได้ยกระดับตนเองขึ้นมาเป็นพ่อค้าจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และถือว่าเป็นโอกาสที่ดีทีทางการจีนได้ให้การสนับสนุนโครงการนี้อย่างดี โดยหลังจากนี้จะนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้ไปศึกษาดูงานสถานที่ก่อสร้างจริง และข้อมูลที่ได้จาการหารือในวันนำไปเสนอรัฐบาล โดยผ่าน ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลเรื่องเพื่อให้มีการสนับสนุนในเชิงนโยบายต่อไป

นายศุภดล โฉมมงคล กรรมการบริหารบริษัทการลงทุนการท่องเที่ยวสวนสนุกจีน-ไทย กว่างซี จำกัด 1 ในเจ้าของโครงการขุนเขาแห่งความสุขจีน-ไทย หรือไทยทาวน์ เผยว่า คนไทยส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกร เป็นกระดูกสันหลังของชาติ มีหน้าที่ผลิตอย่างเดียว ทำให้เกษตรกรไทยไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ ลงมือปลูกพืชผักก็ต้องไปกู้เงินมาลงทุน ทั้งในระบบ และนอกระบบ พอถึงฤดูเก็บเกี่ยวนำไปขายให้แก่พ่อค้าคนกลางราคาก็ตกต่ำ เงินแทบจะไม่เหลือไว้ทำทุนในปีต่อไป ทำให้เกษตรกรอยู่กันอย่างลำบาก จึงทำให้มีความคิดว่าจะทำอย่างไรให้เกษตรกรไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ประกอบกับในปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจโดยรวมทั่วโลกประสบปัญหา ไม่เว้นแม้แต่มหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น แต่ยังมีธุรกิจการท่องเที่ยวเท่านั้นที่ยังอยู่ได้ จึงได้แนวคิดที่นำเอาทั้งสองอย่างมาร่วมกัน จึงเกิดโครงการ ขุนเขาแห่งความสุขจีน-ไทย

โดยจะนำเอาธุรกิจท่องเที่ยวมาผสมผสานกับการการค้าขายสินค้าไทย ซึ่งโดยปกติแล้วผลผลิตทางการเกษตรของไทยเกือบทุกตัวเป็นต้องการของคนจีน ซึ่งปัจจุบันก็มีการติดต่อค้าขายกันอยู่ ซึ่งภายในโครงการจะประกอบด้วย ท่องเที่ยว ซึ่งจะมีส่วนจัดแสดงของสวนสัตว์ตลาดน้ำ 4 ภาค ซึ่งเป็นการนำสินค้าศิลปวัฒนธรรมไทยทั้ง 4 ภาค การแสดงโชว์สาวประเภทสอง การแสดงโชว์มวยไทย วัดไทย และโรงแรม ซึ่งถือว่าเป็นภาคธุรกิจขนาดใหญ่ทีมีการร่วมทุนระหว่างนักธุรกิจไทย และจีนผสมผสานหลายแนวธุรกิจไว้ด้วยกัน แต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ของไทย และยังไม่เคยมีโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นในประเทศใดมาก่อน

นายศุภดล กล่าวอีกว่า โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากรัฐบาลท้องถิ่น โดยให้ทางโครงการใช้พื้นที่ตั้งโครงการที่นครหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจใหม่ของประเทศจีน ปัจจุบัน กำลังมีการพัฒนาโครงการพื้นฐานแล้วในหลายด้านๆ ใกล้สนามบิน มีถนนมอเตอร์เวย์ตัดผ่าน พร้อมทั้งรถไฟความเร็วสูงหนานหนิง-กุ้ยหลิน และห่างจากท่าเรือเพียง 100 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเมืองทีมีแนวโน้วการขยายตัวภาคธุรกิจต่างๆ มากขึ้น

“คาดหวังว่าอยากให้ทางรัฐบาลไทยให้การสนับสนุน เนื่องจากโครงการนี้ด้วยความตั้งใจอาจจะสงวนให้คนไทยได้เป็นผู้ค้ารายย่อย แทนที่จะเป็นผู้ผลิตอย่างเดียว ซึ่งจะมีคนไทยเดินทางไปทำงาน และร่วมธุรกิจเป็นจำนวนมากประมาณกว่า 2,000 คน โดยให้การสนับสนุนและส่งเสริมการนำเข้าสินค้าประเภทต่างๆ จากไทย โดยทางโครงการจะจัดแบ่งพื้นที่สำหรับขายของทั้งหมด 1500 บูท ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้ไทยได้ปีละไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท ทั้งจากขายปลีก และขายส่งสินค้าไทย”

โครงการขุนเขาแห่งความสุขจีน-ไทย หรือไทยทาวน์ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 4,000 ไร่ ตั้งอยู่พื้นที่นครหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ประเทศจีน โดยการร่วมทุนของ 3 นักธุรกิจไทยจีน งบประมาณลงทุนประมาณ 45,0000 ล้านบาท จะเริ่มเปิดดำเนินการได้ภายในต้นปี 2560



กำลังโหลดความคิดเห็น