ศูนย์ข่าวขอนแก่น - จับได้แล้ว สาวใหญ่ลักพาตัวทารกเพศหญิงที่โรงพยาบาลขอนแก่นเมื่อ 4 ปีก่อน สาวใหญ่ผู้ต้องหาอ้างแท้งลูกกลัวสามีทิ้งจึงลักพาตัวเด็กมาเลี้ยง ยันรักเหมือนลูกตัวเอง พร้อมยอมรับผิดตามกฎหมาย ยืนยันหากพ้นโทษจะขอซื้อเด็กจากแม่ที่แท้จริง
วันนี้ (5 พ.ย. 58) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 แถลงข่าวจับกุมนางอัญชลี ชิดขุนทด อายุ 32 ปี ชาวอำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ ผู้ต้องหาลักพาตัวเด็กทารกเพศหญิงเมื่อ 4 ปีก่อน โดยสามารถตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่จังหวัดสมุทรปราการ หลังก่อเหตุลักพาตัวเด็กทารกเพศหญิงที่โรงพยาบาลขอนแก่นเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2554 ก่อนหลบหนีไป
พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2554 เวลาประมาณ 08.00 น. เกิดเหตุคนร้ายลักเด็กทารกแรกเกิดอายุ 2 วัน ไปจากนางกัลย์สุดา สำแดง ผู้เป็นมารดาอายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76 หมู่ 7 บ้านดอนบม ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ขณะที่นางกัลย์สุดาลุกออกจากเตียงพักฟื้นผู้ป่วยหลังคลอด ซึ่งอยู่ชั้น 2 แผนกสูติกรรม 1 อาคารราชนครินทร์ โรงพยาบาลขอนแก่น เข้าไปทำกิจธุระส่วนตัวในห้องน้ำภายในอาคารดังกล่าว
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า คนร้ายเป็นหญิงอายุประมาณ 30-40 ปี รูปร่างท้วม ผิวคล้ำ สวมเสื้อแขนสั้นลายขาวดำ สวมทับด้วยเสื้อวอร์มแขนยาวสีขาว สวมกางเกงขาสามส่วนลายขาวดำ รองเท้าแตะ อุ้มเด็กทารกเดินผ่านเคาน์เตอร์ด้านหน้าชั้น 2 ของตึกลงบันไดผ่านหน้าลิฟต์ชั้น 1 แล้วออกจากอาคารไป
คดีนี้ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ได้สืบสวนหาข่าวติดตามหญิงคนร้ายที่ก่อเหตุเรื่อยมา กระทั่งเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2558 ทราบว่าโรงเรียนวังตาเทพ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ตรวจพบพิรุธในใบสูติบัตรของ ด.ญ.อาริษา ชิดขุนทด อายุ 4 ขวบ ซึ่งมาสมัครเข้าเรียนมีรอยลบหลายแห่ง เชื่อว่าเป็นสูติบัตรปลอม ซึ่งจากการตรวจสอบทะเบียนราษฎรพบว่าหมายเลขประจำตัวประชาชนระบุชื่อเด็กอีกคน อายุ 9 ขวบ มีภูมิลำเนาอยู่ จ.ขอนแก่น ต้องสงสัยว่าเด็กหญิงคนดังกล่าวอาจเป็นเด็กซึ่งถูกลักพาไปเมื่อปี 2554 ซึ่งปัจจุบันมีอายุ 4 ขวบเช่นเดียวกัน
จึงลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูล จากการซักถามนายสาคร ชิดขุนทด (ปู่) ซึ่งพาเด็กมาสมัครเรียน ได้โทรศัพท์สอบถามไปยังนายศักดิ์พิชิต ชิดขุนทด ลูกชาย และนายศักดิ์พิชิตได้สอบถามต่อไปยังนางอัญชุลี ภรรยาก็ยอมรับสารภาพว่าเด็กหญิงดังกล่าวไม่ใช่ลูกของตน โดยนางอัญชุลีได้ไปลักเอามาจากโรงพยาบาลขอนแก่นเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2554
จากนั้นได้ตรวจพิสูจน์ยืนยันบุคคล โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บเยื่อบุกระพุ้งแก้มของ ด.ญ.อาริษา และนางกัลย์สุดา นำไปตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเอ และเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2558 ได้รับรายงานผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอจากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 แจ้งว่า ดีเอ็นเอของ ด.ญ.อาริษามีความสัมพันธ์แบบมารดา- บุตร กับดีเอ็นเอของนางกัลย์สุดา ผู้เสียหาย ที่สำคัญจากการตรวจสอบตำหนิรูปพรรณพบว่า นางอัญชุลีมีตำหนิตรงกับผู้ต้องหาหญิงที่ก่อเหตุ ประกอบกับมีพยานยืนยันว่าเป็นคนร้ายอีกด้วย
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ติดตามตัวนางอัญชุลี กระทั่งเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา สามารถจับกุมตัวนางอัญชุลีได้ภายในซอยสามเอส ถ.ท้ายบ้าน หมู่ 6 ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ สอบถามรับว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุลักเด็กทารกในโรงพยาบาลขอนแก่นไปจริง ส่วนสาเหตุเนื่องจากตนแท้งลูกขณะท้องได้ประมาณ 6 เดือน อยากมีลูกจึงลักเอาเด็กหญิงดังกล่าวไป
นางอัญชุลี ชิดขุนทด ยอมรับสารภาพว่า วันนั้นมาคนเดียวและขับรถยนต์เก๋งมาด้วย เมื่อขโมยทารกจากโรงพยาบาลขอนแก่นก็มาบอกกับสามีว่าลูกของเรา จึงได้มอบให้ปู่ย่าได้เลี้ยงดูแล ส่วนตนได้ไปทำงานกับสามีที่ต่างจังหวัด นำรถบรรทุกสิบล้อไปรับจ้างขนส่งอยู่ในกรุงเทพฯ และอีกหลายจังหวัด โดยแวะมาหา ด.ญ.อาริษาเดือนละครั้งสองครั้ง รักเหมือนลูกของตนเองจริงๆ
ขณะที่สามีก็รัก ด.ญ.อาริษาเหมือนลูกด้วย กระทั่งเรื่องมาแดงขึ้นว่าตนเองลัก ด.ญ.อาริษามาจากโรงพยาบาลขอนแก่น จึงยอมให้ตำรวจจับกุม พร้อมกับให้เป็นเรื่องของกฎหมายที่จะดำเนินการกับตน ส่วน ด.ญ.อาริษายังอยู่กับพ่อของเด็ก พร้อมกับปู่ย่าต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ตนยอมรับผิด หลังจากศาลตัดสินทำโทษตนไปแล้ว และพ้นผิดก็จะขอซื้อ ด.ญ.อาริษากับแม่แท้ๆ ของเขา แม้ว่าจะเรียกราคาถึง 1 ล้านบาทตนก็จะซื้อมาเป็นลูกของตนจริงๆ