ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตร.ภาค 3 สนธิกำลังทหารป่าไม้ รวบแก๊งตัดไม้หอมฆ่าเจ้าหน้าที่ป่าไม้ภูเขียวดับคาป่าได้ 2 ราย หลบหนีอีก 2 ราย รวมหัวหน้าแก๊งมือลั่นไก ย้ำเร่งไล่ล่ากดดันทุกวิถีทาง สอบพบประวัติโชกโชนเป็นมอดไม้อาชีพชำนาญทาง และรู้จักเลือกไม้หอมอย่างดี ด้านป่าไม้ช่วยเหลือครอบครัว จนท.เสียชีวิต และมอบเงินช่วยเหลืออย่างเต็มที่
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (19 ต.ค.) ที่ห้องประชุมสารสิน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.ทวิชชาติ พละศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) พร้อมด้วย พ.อ.ยงยุทธ สอนไม้ รองผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดชัยภูมิ และ นายยุทธชัย ปัทมสนธิ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่ทีอนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา) ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาลักลอบตัดไม้กฤษณา (ไม้หอม) และใช้อาวุธปืนยิง นายประสิทธิ์ คุ้มหมู่ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว (ทุ่งกะมัง) จ.ชัยภูมิ เสียชีวิต
ได้ผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย คือ นายสอง คลังสิน อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 ม.5 บ้านซำภู ต.ช้างตะลูด อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ และนายอาทิตย์ คลังสิน อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 ม.5 บ้านซำภู ต.ช้างตะลูด อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เป็นลูกพี่ลูกน้องทั้ง 2 เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดภูเขียว พร้อมของกลางไม้กฤษณา จำนวน 4 ท่อน และเลื่อยอีก 3 ปื้น ซึ่งตกอยู่ในที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา นายประสิทธิ์ คุ้มหมู่ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ฯ ได้นำกำลังลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบเพื่อป้องกันการกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า และหาของป่า ต่อมา ได้ตรวจพบคนร้ายจำนวนหลายคนกระทำผิดจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม และได้เกิดการปะทะกับกลุ่มคนร้าย ทำให้ นายประสิทธิ์ ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนลูกซองยิงถึงแก่ความตาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมตรวจค้นโดยใช้อากาศยาน แต่เนื่องจากป่ารกทึบ และคนร้ายมีความชำนาญเส้นทางจึงหลบหนีการจับกุมไปได้
จากนั้นพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยยาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ จึงรวบรวมพยานหลักฐานสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ 3 คน คือ นายบุญเลง สายทองคู่ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 208 ม.7 ต.ปากช่อง อ.หลุ่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นผู้ลงมือยิง นายประสิทธิ์ และอีก 2 คนคือ นายสอง และ นายอาทิตย์ ซึ่งต่อมาได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากทนแรงกดดันไม่ไหว
ทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับพวกอีก 2 คน คือ นางบุญเลง และนายอานนท์ หรือแบงค์ วงศ์สนาม หลานชาย นายบุญเลง ลักลอบเข้าไปหาของป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว และได้พบกับเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนแสดงตัวเข้าจับกุม จึงได้แยกย้ายกันหลบหนี และวันรุ่งขึ้นได้นัดพบกับจึงทราบว่า นายบุญเลง ใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่เสียชีวิตพวกตนจึงกลับบ้าน และถูกเจ้าหน้าที่กดดันจึงเข้ามอบตัวดังกล่าว
นายสอง หนึ่งในผู้ต้องหากล่าวอีกว่า รู้จักกับ นายบุญเลง มานานกว่า 6 เดือน พูดคุยถูกคอกันในวงเหล้า นายบุญเลง ชวนมาตัดไม้กฤษณาขายให้นายทุนรายได้ดี ทำมาแล้วหลายครั้ง เข้าป่าแต่ละครั้งประมาณ 10-20 วัน ทยอยแบกไม้ลงมาขายให้แก่นายทุนที่มารับซื้อในจุดนัดหมายกิโลกรัมละ 5,000 บาท แบ่งกันได้เฉลี่ยประมาณครั้งละ 8,000-10,000 บาท
ด้าน นายยุทธชัย ปัทมสนธิ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่ทีอนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา) เปิดเผยว่า พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งไม้กฤษณาแห่งใหญ่ที่เหลืออยู่ในประเทศไทย จึงทำให้เป็นที่ต้องการของมอดไม้มักขึ้นมาตัดขายอยู่บ่อยครั้ง และนายบุญเลง เองถือเป็นบุคคลอันตรายเนื่องจากมีคดีติดตัว ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยถูกจับกุมคดีลักลอบตัดไม้ในเขตป่าภูเขียว ขณะนี้เรื่องอยู่ในชั้นศาล แต่ นายบุญเลง ขอประกันตัวออกมา และมาก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
เชื่อว่าขณะนี้นายบุญเลง ได้หนีเข้าเขตป่าอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวอย่างใกล้ชิด และจะพยายามใช้ความละมุนละม่อมให้มากที่สุด
สำหรับงานศพของ นายประสิทธิ์ จัดขึ้นอย่างสมเกียรติ โดยมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันนี้ (19 ต.ค.) ที่ จ.ชัยภูมิ ทางกรมป่าไม้จะมอบเงินช่วยเหลือซึ่งมีเงินสวัสดิการต่างๆ รวมกว่า 2 ล้านบาท และจะมอบเพิ่มเติมอีก ส่วนการช่วยเหลือครอบครัวนั้นได้สั่งการให้ดูแลครอบครัวของนายประสิทธิ์ เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นลูกจ้างของรัฐที่ตั้งใจทำงาน หากบุตรต้องการเข้ามาเป็นพนักงานป่าไม้ก็พร้อมดำเนินการให้
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นได้กำชับชุดลาดตระเวนทุกหน่วยให้เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากคนก่อเหตุมีอาวุธปืน และจะมีการเสนอขอซื้อเสื้อเกราะ รวมถึงอาวุธของเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมให้เพื่อใช้ในการออกลาดตระเวน