xs
xsm
sm
md
lg

จับตา "หลวงปู่พิม" เกจิดังภาคอีสานเตรียมละสังขารคืนนี้เวลา 21.00 น.พุทธศาสนิกชน-ศิษย์แห่ทำบุญแน่นวัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลวงปู่ธนวัฒน์ สิริพิมโพ หรือหลวงปู่พิม เจ้าอาวาสวัดป่าเวฬุวัน
ศูนย์ข่าวภูมิภาค - หลวงปู่ธนวัฒน์ สิริพิมโพ หรือ "หลวงปู่พิม" เจ้าอาวาสวัดป่าเวฬุวัน จังหวัดชัยภูมิ พระเกจิชื่อดังภาคอีสาน เตรียมละสังขารคืนนี้เวลา 21.00 น.ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิด โดยเลือกละสังขารที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างกุฏิภายในวัดด้วยวิธีเข้าไปนอนภาวนาในโลงที่เตรียมไว้ ขณะที่พุทธศาสนิกชน-ศิษย์แห่ทำบุญแน่นวัด

วันนี้ (9 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่วัดป่าเวฬุวัน บ้านท่าเริงรมย์ ต.ทุ่งพระ อ.คอนสา จ.ชัยภูมิ ได้มีพุทธศาสนิกชนและลูกศิษย์จากทั่วประเทศเดินทางมาร่วมทำบุญและปฎิบัติธรรมกันจำนวนมาก หลังจากมีการบอกเล่ากันปากต่อปากว่า หลวงปู่ธนวัฒน์ สิริพิมโพ หรือ "หลวงปู่พิม" เจ้าอาวาสวัดป่าเวฬุวัน อายุ 65 ปีเตรียมละสังขารในคืนวันที่ 9 ก.ย.นี้ เวลา 21.00 น.ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิด โดยเลือกละสังขารที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างกุฏิภายในวัดด้วยวิธีเข้าไปนอนภาวนาในโลงที่เตรียมไว้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาหลวงปู่พิม มีโรคประจำตัว เช่น กรดไหลย้อน แผลในกระเพาะอาหาร และโรคเก๊าท์ที่ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น อย่างต่อเนื่อง

สำหรับหลวงปู่ธนวัฒน์ สิริพิมโพ หรือหลวงปู่พิม เจ้าอาวาสวัดป่าเวฬุวัน เกิดเมื่อ พ.ศ.2492 เดิมเป็นชาว จ.เพชรบูรณ์ จากนั้นย้ายภูมิลำเนามาอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด เมื่อเป็นหนุ่มเดินทางไปขายแรงงาน ขับรถเทลเลอร์ที่ประเทศซาอุดิอารเบีย ระหว่างทำงานอยู่นานกว่า 13 ปี มีความสนใจ เลื่อมใสพระพุทธศาสนา และศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อปี 2536 จึงเข้าสู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ที่วัดอนงค์คาราม อารามหลวง กรุงเทพมหานคร ศึกษาพระธรรมอยู่ประมาณ 1 ปี จนปี 2537 ตัดสินใจออกเดินธุดงค์ไปทั่วประเทศ กระทั่งปี 2541 มาพบเห็นสถานที่บ้านท่าเริงรมย์ ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ แห่งนี้ซึ่งเชื่อว่าเป็นพุทธภูมิเดิม จึงตัดสินใจสร้างวัดป่าเวฬุวันขึ้นจนถึงปัจจุบัน

หลวงปู่พิม เปิดเผยว่า "อาตมาเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นองค์สุดท้ายยึดปฏิบัติตามแนวคำสอนของหลวงปู่อย่างเคร่งครัด เมื่อปี 2538 เห็นและรู้วันเวลามรณภาพของตัวเอง บอกลูกศิษย์คนใกล้ชิดไว้ โดยไม่ได้ป่าวประกาศให้คนทั่วไปรับรู้ เมื่อถึงเวลาก็จะละสังขารตามกำหนด คือวันที่ 9 ก.ย.57 นี้ เมื่อพระอาทิตย์ตกดินอาตมาห้ามทุกคนเข้ามาในบริเวณกุฎิ เพื่อจะทำสมาธิและนอนในโลงที่เตรียมไว้และจะแยกร่างปลงสังขารในเวลา 21.00 น. ระหว่างนี้ได้สั่งห้ามทุกคนเข้ามาจนกว่าจะครบ 3 วันคือวันที่ 11 ก.ย. 57 เวลาประมาณ 13.00 น.จึงให้ลูกศิษย์เข้ามานำร่างไปไว้ยังสถานที่ประกอบพิธีที่อยู่ใกล้กันเพื่อนำร่างไปเผาในเวลา 21.00 น."

"อาตมารู้วันเวลามานานแล้ว ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเสียใจ การตายเป็นเรื่องธรรมดา เป็นปกติของมนุษย์ สิ่งที่สั่งเสียไว้คือให้ลูกศิษย์ลูกหาได้ยึดถือรักษาศีลตามที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้สอนไว้เท่านั้น ส่วนในวัดพระมหาบัว ปิยวัณโณ จะเป็นเจ้าอาวาสต่อจากอาตมาจะดูแลและสั่งสอนลูกศิษย์ต่อไป ข้อที่สั่งเสียไว้ก่อนตายคืออย่าสร้างวัตถุ เช่น โบสถ์ กำแพงวัด ประตูวัด เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในคำสอนของพระพุทธเจ้า ถือเป็นวัตถุนอกกายที่ไม่มีความจำเป็นกับการรักษาศีล ปฏิบัติธรรม" หลวงปู่พิมกล่าว

**แพทย์ชี้ละสังขารได้หากไม่ฉันข้าว-น้ำ

ด้านนายแพทย์วิทยา ชาติบัญชาชัย รองผู้อำนวยการอาวุโสโรงพยาบาลขอนแก่น กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่า หลวงปู่พิม มีโรคประจำตัว เช่น กรดไหลย้อน แผลในกระเพาะอาหาร และโรคเก๊าท์ ที่ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นโรคทั่วไปที่สามารถรักษาได้ แต่หากรู้วันเวลาที่เสียชีวิตล่วงหน้า ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน โดยในทางวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก และไม่เคยได้ยินมาก่อน ที่ผ่านมาเคยมีกรณีผู้ป่วยเสียชีวิตแต่ก็มีโรคประจำตัวร้ายแรง แต่หลวงปู่พิม อายุเพียง 65 ปี ร่างกายยังแข็งแรง ความเป็นไปได้ในการเสียชีวิตจึงน้อยมาก

"แต่ประเด็นที่จะทำให้มีโอกาสเสียชีวิต คือการที่หลวงปู่บอกว่าเตรียมอดข้าว อดน้ำเพื่อเตรียมละสังขาร หากเป็นคนในวัยนี้ก็มีความเป็นไปได้ในเรื่องของร่างกายจะขาดน้ำ จนช็อก หากฉันน้ำบ้างก็อาจจะเพียงอ่อนเพลีย แต่ทั้งนี้ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล หากเป็นทางวิทยาศาสตร์คนในวัย 65 ปีหากขาดข้าว ขาดน้ำ ก็มีโอกาสช็อกหมดสติ และเสียชีวิตได้"

**สำนักพุทธส่ง จนท.ลงวัดป่าเวฬุวัน

ทางด้านนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่สามารถให้รายละเอียดเรื่องนี้ได้ เพราะยังไม่ทราบรายละเอียด พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชัยภูมิ ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วและให้รายงานข้อมูลมาที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น