xs
xsm
sm
md
lg

วิพากษ์สนั่น "สมภารวัดดัง" ละสังขารลวงโลก?!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


วิพากษ์สนั่น กรณี "หลวงปู่พิมพ์" ประกาศละสังขาร นอนตายในโลงศพ สุดท้ายถูกจับได้ แอบออกจากโลง บอกญาติโยมก่อนถูกนำส่งรพ. "อาตมาได้มรณภาพไปแล้วตั้งแต่คืนวานนี้ แต่เทวดายังไม่ยอมรับจิตวิญญาณที่ล่องลอยออกจากร่าง จึงคืนวิญญาณให้กลับเข้าร่างอีกครั้ง แล้วเข้ากรรมฐานวิปัสสนาจนขณะนี้" ด้านนักวิชาการศาสนาเผย เป็นไปได้ยากที่จะเอาความตายมาทำการตลาด ขณะที่เว็บวัดป่าจับเท็จ แฉพระจิตวิปลาส อ้างเป็นศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต รูปสุดท้าย

ฮือฮา 'สมภาร' ละสังขาร นอนตายในโลงศพ

สร้างความฮือฮาไปทั่วประเทศ กรณี หลวงปู่ธนวัฒน์ สิริพิมฺโพ หรือ หลวงปู่พิมพ์ เจ้าอาวาสวัดป่าเวฬุวัน ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ อายุ 65 ปี ประกาศละสังขารเมื่อคืนวันที่ 9 ก.ย. เวลา 21.00 น.และได้เข้าไปนอนในโลงศพ พร้อมกับย้ำไม่ให้ญาติโยมขึ้นไปรบกวน จนกว่าจะถึงเวลา 21.00 น. คืนวันที่ 11 ก.ย.
กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลาย ซึ่งมีทั้งญาติโยมที่ศรัทธา ในขณะที่ส่วนใหญ่มองว่า เป็นการตลาดเรียกศรัทธาเพื่อหวังโกยเงินเข้าวัด

"ดูจากทีวี โลงศพมีรูกว้างขนาดประมาณ 6"x2" รอบทั่วโลงศพ ไม่ขาดอากาศเข้าออกชัวร์ เป็นการโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น ไม่เข้าใจจริงๆ เมืองไทยแม้แต่พระสงฆ์ซึ่งเป็นที่พึ่งของชาวบ้านยังเป็นแบบนี้แล้วประชาชนตาดำๆ ยังจะเหลืออะไรอีก น่าสงสารประเทศไทย" la

"ไม่ใช่พระ ก็แค่ผ้าเหลืองหากินเป็นขบวนการ เพราะข่าวยิ่งโหม คนไทยยิ่งบ้า ยังไงมันก็ออกมาแบบนี้ ถ้าพระปฏิบัติจริง ศรัทธาจะเกิดจากคุณงามความดี ไม่ใช่การจะฆ่าตัวตายปลอมๆ นี้" ใครโง่ก็เชิญ

"ไม่ต้องกลัวตกนรก หากเราได้ต่อสู้ให้กับพระธรรมที่บริสุทธิ์ สมัยนี้ในวงการพุทธศาสนามันการเป็นการค้าไปเกือบหมดแล้ว เอานรกมาหลอก เอาสวรรค์มาล่อหลอกให้คนงมงาย เชื่อในสิ่งที่ผิดไปจากคำสอนของพุทธเจ้า มันบ้ากันไปใหญ่แล้ว พระคนห่มเหลืองบางคนมักจัดฉากให้พวกลูกศิษย์ทำตัวเป็นหน้าม้า คอยหลอกลวงชาวบ้าน" ปราบมาร

ล่าสุด ความคลางแคลงสงสัยดูจะเป็นเชื้อฟืนปะทุออกมาอีก เมื่อเจ้าหน้าที่ขึ้นไปยังกุฎิที่ตั้งโลงศพ พบว่า เจ้าอาวาสวัดดัง ยุติละสังขาร โดยเปิดฝาโลงออกมานั่งวิปัสสนาอยู่ในกุฏิก่อนหน้าแล้ว ด้านเจ้าหน้าที่แจ้งเหตุผลว่า ทางสำนักพระพุทธศาสนา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สามารถปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นต่อไปได้ หากปล่อยให้พระครูเวฬุวันมรณภาพในสภาพเช่นนี้ ผู้เกี่ยวข้องย่อมมีความผิดตามกฎหมาย

หลังจากพระราชภาวนาวราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ ได้เข้าพูดคุยกับพระครูเวฬุวัน หรือหลวงปู่พิมพ์พร้อมเทศน์สั่งสอน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ช่วยพยุงร่างพระรูปดังกล่าวที่อยู่ในสภาพสีหน้าอิดโรยพาขึ้นรถไปรักษาตัวที่ รพ.คอนสาร โดยก่อนขึ้นรถ พระครูเวฬุวันหันมากล่าวกับญาติโยมว่า "อาตมาได้มรณภาพไปแล้วตั้งแต่คืนวานนี้ แต่เทวดายังไม่ยอมรับจิตวิญญาณที่ล่องลอยออกจากร่าง จึงคืนวิญญาณให้กลับเข้าร่างอีกครั้ง แล้วเข้ากรรมฐานวิปัสสนาจนขณะนี้" เมื่อกล่าวจบ ญาติโยมหลายร้อยคนต่างส่งเสียงร้อง สาธุ บางคนถึงกับร่ำไห้ด้วยความดีใจที่พระครูเวฬุวันไม่มรณภาพ

เรื่องนี้ ร้อนไปถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) โดย นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ชี้แจงว่า ได้สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชัยภูมิ (พศจ.ชัยภูมิ) ติดตามกรณีของพระครูเวฬุวันที่ออกมาประกาศละสังขารในวันที่ 11 ก.ย. ล่าสุด ทราบว่าได้มีการนำนิมนต์พระครูเวฬุวันออกจากโลงศพ และนำส่งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว

พร้อมชี้แจงต่อไปว่า ทางเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ ได้แจ้งว่า พระครูเวฬุวันอาพาธหลายโรค อาจจะทำให้ตัดสินใจพูดอะไรออกไปด้วยการขาดความยั้งคิด จึงให้ออกมาเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อให้อาการอาพาธดีขึ้นก่อน และเมื่ออาการดีขึ้นทางเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ จะมีการพิจารณาอีกครั้ง โดยอาจจะมีการว่ากล่าวตักเตือน เพื่อปรามไม่ให้มีพฤติกรรมในลักษณะนี้ขึ้นมาอีก ส่วนจะมีการพิจารณาโทษถึงขั้นอวดอุตริหรือไม่นั้น ทางเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิแจ้งว่า คงไม่ถึงขั้นนั้น เนื่องจากสิ่งที่พระครูเวฬุวันทำลงไปเป็นผลมาจากการที่อาพาธหลายโรค

ส่วนประเด็นเข้าข่ายการหลอกลวงหรือไม่ เจ้าหน้าตำรวจเปิดเผยว่า จะสอบสวนขยายผลต่อไป หากมีเจ้าทุกข์แจ้งความไม่ว่ากรณีใด ตำรวจพร้อมดำเนินคดีทันที

ด้าน พระมหาบัว ปิยวณฺโณ พระลูกวัด น้องชายของหลวงปู่พิมพ์ ก่อนหน้านี้ ได้ออกมาเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า หลวงปู่พิมพ์ ป่วยเป็นโรคเกาต์ และลำไส้มานาน หมอให้ยามาฉันก็ไม่หาย หลวงปู่เลยเลิกฉันยา และตั้งใจปฏิบัติฌานสมาบัติ 4 ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

ทั้งนี้ หลวงปู่เคยทำลักษณะนี้มาแล้วคือ นอนในโลงศพ แบบไม่ฉันอะไรเลย นอกจากน้ำมาแล้ว 7 วัน โดยห้ามคนไปยุ่งเหมือนกับครั้งนี้ และหลวงปู่ก็ไม่ตาย อาการป่วยต่างๆ ก็ดีขึ้น

ในครั้งนี้ก็เช่นกัน หลวงปู่ ก็ตั้งใจจะทำแบบเดิมโดยจะนอนอยู่ภายในโลง 3 วันแบบลักษณะปลงสังขาร และจะไม่ฉันอะไรเลย ไม่ให้ใครเข้าไปใกล้ หรือรบกวนใดๆ จากนั้นในวันที่ 11 ก.ย. (พรุ่งนี้) เวลา 16.00 น. ให้ขึ้นไปดู หากมรณภาพก็ให้นำร่างไปเผาเวลา 21.00 น. แต่ถ้าไม่มรณภาพ ก็จะดำเนินกิจของสงฆ์ต่อไป

อย่างไรก็ดี หลังจากที่เป็นข่าวโด่งดัง ประชาชนต่างพากันมาทำบุญล้นวัด ทำให้ทางวัดมีเงินบริจาคเข้ามาเป็นจำนวนมาก ล่าสุดพบว่า แค่ 2 วันยอดบริจาคพุ่งกว่า 3 แสนบาท โดยก่อนหน้านี้ พระลูกวัด น้องชายของหลวงปู่พิมพ์ ออกมายอมรับว่า ได้นำเงินบริจาคไปฝากไว้ที่ธนาคารเรียบร้อยแล้ว โดยตั้งใจจะนำเงินดังกล่าวไปสร้างสะพานคอนกรีตเข้าหมู่บ้านให้เสร็จตามเจตนาของหลวงปู่พิมพ์

พระวัดเบญจฯ โพสต์เฟซบุ๊ก เรียกสติญาติโยม

ด้านพระด้วยกันอย่าง พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท หัวหน้าพระวิทยากรประจำพระอารามหลวง วัดเบญจมบพิตร ก็ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กว่า "พระเล่นแต่มุกเดิม ๆ เพื่อหลอกเอาปัจจัยในกระเป๋าโยม แต่โยมก็ยังไม่หลาบจำถูกหลอกกี่ครั้งโยมก็ยอมแบบนี้เรียกว่า "ศรัทธาที่ไร้ซึ่งสติปัญญา" วิธีหากินของพระสงฆ์สมัยนี้ที่พบเจอบ่อยที่สุด...มหานิกายปั้นเกจิ ธรรมยุติปั้นอรหันต์ ประชาชนคือเหยื่อ...น่าจะปฏิบัติธรรมให้ประชาชนชื่นชม และปฏิบัติตามดั่งพระคุณเจ้าในภาพจะดีกว่าไหมครับหลวงพ่อ หลวงปู่ทั้งหลาย เอวัง ฯ"

ล่าสุด วันนี้ (11 ก.ย.) พระมหาอภิชาติ ได้โพสต์ข้อความอีกว่า "วันที่ 9 เดือน 9 เงินจะหลั่งไหลเข้ามาในวัดเอง ที่ทำไปทำมาทั้งหมดก็เพื่อสิ่งนี้ ถ้าคณะสงฆ์ยังปล่อยปละละเลยโดยไม่จัดการอะไรเป็นชิ้นเป็นอันหรือจัดการขั้นเด็ดขาด นี่ไม่ใช่รายสุดท้ายแน่นอนจะมีหน้าใหม่ออกมาเรื่อย ๆ"

ฟังทัศนะนักวิชาการด้านศาสนา

เมื่อถามไปยังนักวิชาการด้านศาสนา คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง อาจารย์ประจำภาควิชาปรัชญา มหาวิทยาลัยศิลปากร ให้ความเห็นในอีกมุม โดยเฉพาะมุมมองที่มีต่อความตาย

"อย่างกรณีนี้ ด้านหนึ่งอาจมองว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่สำหรับคนที่อยู่ในศาสนา โดยเฉพาะในศาสนาที่อยู่ในอินเดีย เขาไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของการฆ่าตัวตาย แต่มันเป็นการเลือกที่จะตาย ซึ่งจะมีศัพท์เฉพาะเรียกว่า สัญชีวันสมาธิ แปลว่าการบรรลุสมาธิในขณะที่มีชีวิตอยู่ ต่างกับในโลกปัจจุบันที่ให้คุณค่าของการมีชีวิตมากกว่าการตาย สิ่งสำคัญกว่าการตายคือการยื้อชีวิตเอาไว้ให้นานที่สุด ซึ่งเป็นวิธีคิดแบบการแพทย์ปัจจุบัน เราจะเห็นหมอออกมาพูดในกรณีหลวงปู่พิมพ์ว่า ถ้าใครนั่งดูแล้วปล่อยให้ท่านตายถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย นี่คือวิธีคิดแบบการแพทย์สมัยใหม่

แต่ถ้ามองจากมุมพุทธศาสนา เป็นเรื่องของสิทธิในการเลือกที่จะตาย หรือตายอย่างสง่างามตามความเชื่อของตัวเอง ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญกับการตาย พอๆ กับการมีชีวิตอยู่ โดยในอินเดียก็ยังเป็นอย่างนี้อยู่ ส่วนในเรื่องของการอดอาหารเพื่อทำให้ตัวเองตาย บนฐานคิดของคนโบราณมองว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะว่าอาหารเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิต การหยุดอาหารก็คือการตัดวงจรการหล่อเลี้ยงชีวิต" นักวิชาการด้านศาสนาเผย ก่อนจะบอกต่อไปว่า

"เวลาเรามองกรณีหลวงปู่พิมพ์ ต้องมองให้แยบยลนิดหนึ่ง เพราะมีความซับซ้อนในเชิงประเด็น และวิธีการปฏิบัติอยู่ แต่เป็นกรณีที่สะท้อนให้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง เช่น การที่รัฐเข้าไปแทรกแซงความเชื่อของปัจเจกบุคคล หรือมุมมองที่มีต่อชีวิตและความตาย ซึ่งมีไม่เหมือนกัน หรือแม้กระทั่งการปล่อยให้พุทธศาสนาเกิดความหลากหลายขึ้น เหล่านี้ล้วนเป็นประเด็นที่สะท้อนออกมาจากกรณีดังกล่าวได้ทั้งนั้น

ส่วนประเด็นที่ถูกวิพากษ์จากสังคมบางกลุ่มว่า เป็นการตลาดเรียกศรัทธาเพื่อหาเงินเข้าวัดนั้น เรื่องนี้ นักวิชาการคนเดียวกันมองว่า มีความเป็นไปได้ยากที่เอาเรื่องความตายมาเป็นการตลาดเรียกศรัทธาจากญาติโยม

"พอดีมันเป็นเรื่องการตาย ถ้าหลวงปู่พิมพ์บอกว่าท่านจะตายแล้วท่านไม่ตาย ทั้งตัวท่าน และวัดเสียอยู่แล้ว เพราะถ้าพูดอย่างนี้ก็เหมือนท่านโกหก เพราะฉะนั้น ไม่น่าจะเอาเรื่องความตายมาเป็นการตลาดได้ง่ายๆ คือถ้าไม่ตายก็เสีย แต่ถ้าตายก็จบอยู่แล้ว ถามว่ามีใครจะเอาความตายมาขายบ้าง ส่วนตัวคิดว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเอาความตายมาขายกัน ยกเว้นแต่ว่า ถ้าตายแล้วเอามาขาย มันก็อีกเรื่องหนึ่ง" นักวิชาการด้านศาสนาให้ความเห็น

เว็บวัดป่าจับเท็จ แฉพระจิตวิปลาส

อย่างไรก็ดี ตอนนี้ได้มีบางเว็บทำการขุดคุ้ยประวัติของเจ้าอาวาสรูปดังกล่าวแล้ว ล่าสุด เว็บไซต์วัดป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น (www.watpa.com) ก็ออกมาจับเท็จพระที่เป็นข่าว อ้างตัวว่าเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต รูปสุดท้าย และนี่คือข้อมูลที่ทางเว็บได้นำมาแฉผ่านกระดานเว็บไซต์ ดังนี้

จับเท็จ ข้อที่ 1

หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ท่านละสังขารเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ.2492 แต่พระรูปนี้ เกิดเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2492 อุตริอ้างตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น รูปสุดท้าย

หากนับอายุ วัน/เดือน/ปีเกิด อายุเกิดเพียงไม่กี่วัน หลวงปู่มั่นท่านก็ละสังขารแล้ว ดังนั้น พระวิปลาสรูปนี้กำลังลวงโลก หลอกคนโง่ ให้เชื่อว่าตนเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต รูปสุดท้าย

จับเท็จ ข้อที่ 2

หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ท่านละสังขารเมื่อปี พ.ศ.2492 แต่พระรูปนี้ บวชที่วัดอนงคาราม กรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ.2536 หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านละสังขารไปแล้ว 65 ปี แต่พระรูปนี้เพิ่งบวชมาแค่ 21 พรรษา แล้วไปเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต รูปสุดท้ายตอนไหน

สุดท้ายแล้ว ทางวัด และเจ้าอาวาสวัดดังจะชี้แจงอย่างไร คงต้องติดตาม แต่เชื่อเถอะว่า ไม่ช้าก็เร็ว ความจริงจะต้องปรากฏ และที่แน่ๆ ใครทำอะไรไม่ดีเอาไว้ ย่อมได้รับผลกรรมอย่างแน่นอน

ข่าว ASTVผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพบางส่วนจาก เว็บข่าวสปริงนิวส์




ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754




กำลังโหลดความคิดเห็น