ศูนย์ข่าวขอนแก่น - แม่ตัวจริงของเด็กที่ถูกลักพาตัวเผยทั้งน้ำตา ดีใจที่สุดหลังตามหาลูกมากว่า 4 ปี พร้อมโชว์ใบเกิดลูกสาวที่แจ้งไว้ก่อนถูกขโมย ยันจะสู้ยิบตาให้ได้ลูกคืน เผยแม้ฐานะทางบ้านไม่ร่ำรวยแต่ไม่อัตคัดที่จะเลี้ยงดูลูก และจะยอมรับปฏิบัติตามมติกรรมการสหวิชาชีพ ชี้แคร์ความรู้สึกลูกเป็นที่สุด
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 4 ได้ติดตามจับกุมนางอัญชุลี ชิดขุนทด ที่อยู่ 233 ม.5 ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ผู้ต้องหาขโมยทารกแรกเกิด อายุ 2 วันบุตรสาวของนางกัลย์สุดา สำแดง อายุ 30 ปี ชาวบ้านดอนบม อ.เมืองขอนแก่น
เหตุเกิดเมื่อเดือนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2554 และ พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ ได้แถลงข่าวผลการจับกุม และส่งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย คดีนี้ได้รับความสนใจและมีกระแสสังคมถึงผลกระทบต่อเด็กอย่างมาก และผู้ต้องหายืนยันว่าจะจ่ายเงินให้แก่แม่ที่แท้จริงเพื่อขอเอาเป็นลูกบุญธรรม
ล่าสุดวันนี้ (6 พ.ย. 58) นางกัลย์สุดา สำแดง แม่ที่แท้จริงของทารกที่ถูกลักพาตัวเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาพยายามติดตามหาลูกมาโดยตลอด ทั้งจากทางตำรวจและโดยตัวเอง แต่ก็ไม่เคยได้ข่าวคราว กระทั่งเมื่อเดือนสิงหาคมตำรวจโทร.มาหาและบอกว่าน่าจะพบลูกสาวที่หายไปแล้ว จึงได้ร่วมเดินทางไปที่จังหวัดชัยภูมิ
เมื่อตำรวจถามว่าจำลักษณะพิเศษของลูกได้หรือไม่ ก็ตอบได้ทันทีว่าหูของลูกมีติ่งแหว่งข้างซ้าย เมื่อเปิดดูก็มีจริงๆ และมีการตรวจดีเอ็นเอ จนสุดท้ายก็มีผลออกมาว่า เป็นลูกของตัวเองจริงๆ
ครั้งนั้นเป็นการเจอหน้ากันครั้งแรกหลังจากที่ลูกหายไปจากอ้อมอก รู้สึกดีใจมากๆ แต่ก็รู้สึกสะท้อนในใจเพราะลูกไม่มีความคุ้นเคย แต่ความรู้สึกผูกพันของความเป็นแม่ไม่เคยจืดจาง ต้องยอมรับว่าครอบครัวทางโน้นรักและเลี้ยงดูเป็นอย่างดี โดยเฉพาะปู่กับย่าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด
“ที่ผ่านมาแทบจะเสียผู้เสียคน ต้องอาศัยพึ่งยาคลายเครียด คิดมากที่ต้องพลัดพรากจากลูก และยังถูกสังคมประณามต่างๆ นานา บ้างก็ว่าขายลูก บ้างก็ว่ายกลูกให้คนอื่น ซึ่งไม่มีใครเข้าใจหรอกว่าหัวอกคนเป็นแม่เจ็บแค่ไหน ตอนนี้อยากให้ลูกกลับมาอยู่กับครอบครัวที่บ้านนี้ แม้จะไม่ร่ำรวยแต่ก็มีรายได้พอเลี้ยงดูให้การศึกษา ไม่ต้องการเงินของใคร ลูกทั้งคนไม่เคยคิดจะขาย จะสู้ถึงที่สุด แต่ต้องทำตามวิธีการของคณะกรรมการสหวิชาชีพที่เข้ามาดูแล เพื่อไม่ให้กระทบกับความรู้สึกของลูก” นางกัลย์สุดากล่าว
อย่างไรก็ตาม เกิดความกังวลเพราะก่อนหน้านี้จะให้เทียวไปที่จังหวัดชัยภูมิเพื่อทำความคุ้นเคยกับลูกเป็นระยะเวลาประมาณ 1-2 ปี หรือให้ไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านกับลูกที่ชัยภูมิประมาณ 1 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่ลำบากใจมากเพราะไม่ใช่ญาติ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
นอกจากนี้ มีข่าวว่าจะจ่ายเงินเพื่อปลอบขวัญ และให้เพื่อขอไปเป็นลูกบุญธรรมนั้น ไม่เคยคิดจะยกให้ เพราะลูกมีแม่ที่แท้จริง ใบเกิดก็แจ้งไว้แล้วตั้งแต่วันหลังคลอด ก่อนที่หมอจะอนุญาตให้กลับบ้าน แต่ลูกก็มาหายไปเสียก่อน ที่สำคัญคนที่ทำผิดควรจะรับผลที่ก่อขึ้น ที่ผ่านมาคนที่เป็นแม่ต้องสูญเสีย จมอยู่กับความทุกข์มานานกว่า 4 ปี ไม่ใช่แค่ตนเองเท่านั้นแต่ทุกคนในบ้านต่างก็เฝ้ารอให้มีวันนี้
สำหรับสภาพบ้านและความเป็นอยู่ของครอบครัวนางกัลย์สุดา พบว่าสภาพบ้านเป็นบ้านไม้สองชั้นครึ่งปูน บริเวณโดยรอบกว้างโล่ง อยู่ติดริมถนนทางเข้าหมู่บ้าน และมีบ้านญาติอยู่ใกล้กัน โดยในบ้านมีคนอาศัยรวมกัน 5 คน นางกัลย์สุดาบอกว่า ปัจจุบันมีอาชีพรับจ้างที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ส่วนปู่ก็เป็นข้าราชการบำนาญ
รายงานแจ้งว่า ในวันที่ 9 พ.ย.นี้ กรรมการสหวิชาชีพ ขอนแก่น รวมทั้งนางกัลย์สุดาและญาติ จะเดินทางไปร่วมประชุมกับฝ่ายครอบครัวของผู้ต้องหาที่จังหวัดชัยภูมิเพื่อหาข้อยุติและข้อปฏิบัติที่ทุกฝ่ายจะต้องทำ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเด็กหรือมีน้อยที่สุด รวมทั้งเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้เป็นแม่ที่แท้จริงด้วย
ขณะที่การดำเนินคดี พ.ต.อ.พิสิฐ หลวงเทพ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองขอนแก่น เจ้าของคดี กล่าวว่า สำนวนคดีนี้ตั้งแต่ปี 2554 เพียงแต่มีการสอบสวนเพิ่ม และขณะนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งฝากขังที่เรือนจำกลางขอนแก่น และรอหลักฐานเพิ่มเติมเล็กน้อย คาดว่าจะสามารถส่งฟ้องได้ภายใน 15 วันนับจากนี้ ขณะเดียวกันได้รับแจ้งว่า ญาติของนางอัญชุลีได้ยื่นเรื่องขอประกันตัวต่อศาล โดยทางศาลให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ค้ำประกัน 180,000 บาท