ฉะเชิงเทรา - หอการค้าแปดริ้ว ระบุกรมธนารักษ์เตรียมปรับราคาประเมินที่ดินในฉะเชิงเทรา เพิ่มอีกร้อยละ 15.09 หลังเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ส่งผลดีในด้านการหาแหล่งเงินทุนเพื่อกู้เงินจากทางธนาคาร ส่วนการลงทุนด้านอุตสาหกรรมนั้นจะเกิดประโยชน์ไม่มากแต่ก็ไม่ส่งผลกระทบ เนื่องจากมีการเตรียมพื้นที่ไว้รองรับมากเพียงพอ
วันนี้ (28 ต.ค.) นายชาลี เจริญสุข รองประธานหอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวถึงกรณีที่กรมธนารักษ์เตรียมประกาศขยับขึ้นราคาประเมินที่ดินใน จ.ฉะเชิงเทรา ขึ้นอีกร้อยละ 15.09 หลังมีการประกาศให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อส่งเสริมด้านการลงทุน ซึ่งจะมีผลต่อราคาที่ดินที่จะขยับเพิ่มขึ้นในช่วงเดือน ม.ค. หรือต้นปี 2559 นั้น
การเตรียมประกาศปรับราคาประเมินที่ดินใหม่นั้นไม่ได้ส่งผลดี หรือผลกระทบอะไรต่อด้านการลงทุนมากนัก เนื่องจากที่ผ่านมา ได้มีการประกาศพื้นที่สีม่วง ซึ่งเหมาะสมต่อการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม ตามการประกาศใช้ผังเมืองใหม่ของ จ.ฉะเชิงเทรา ไปตั้งแต่เมื่อช่วง ปี 2556 แล้ว จากนั้นได้มีการประกาศพื้นที่สีม่วงเพิ่ม หรือพื้นที่เพื่อรองรับในภาคอุตสาหกรรมไว้เพียงพอ โดยเฉพาะภายในนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ ซิตี ในเขตพื้นที่ อ.แปลงยาว อีกกว่า 2 หมื่นไร่ จากเดิมที่เคยมีพื้นที่สีม่วงภายในนิคมเพียง 8,000 ไร่
จึงมองว่าพื้นที่ตามผังเมืองใหม่ที่ได้มีการประกาศพื้นที่สีม่วงเพิ่มเติมเอาไว้มากถึงกว่า 12,000 ไร่นั้น เพียงพอต่อการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีพื้นที่เหลือว่างเพื่อรองรับต่อการลงทุนอีกมากกว่า 1 หมื่นไร่อีกด้วย
นายชาลี กล่าวว่า ส่วนประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อนักลงทุนรายใหม่ที่จะเข้ามานั้น การประกาศให้พื้นที่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษนักลงทุนจะได้รับผลดีในด้านของการลดหย่อนภาษีในการลงทุน การลดหย่อนภาษีเครื่องจักรกล เพื่อให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาลงทุน โดยที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรม ซึ่งเดิมเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรชั้นนำหลากหลายชนิด เช่น มะม่วงเพื่อการส่งออก และเป็นแหล่งผลิตข้าวที่มีผลผลิตสูงในระดับต้นๆ ของประเทศ จนมีโรงสีข้าวเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากอีกด้วย
“หากภาคอุตสาหกรรมอยู่ในพื้นที่ตามประกาศของการใช้ผังเมืองที่ได้กำหนดพื้นที่เอาไว้ให้แล้ว จึงทำให้เป้าหมายในการส่งเสริมการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมนั้นแคบลง และจะทำให้เรามีความพร้อมที่จะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยที่จะไม่ไปส่งผลกระทบต่อด้านอื่นๆ”
ส่วนการที่กรมธนารักษ์จะมีการประเมินราคาที่ดินให้มีราคาสูงขึ้นมากกว่าเดิมไปอีกร้อยละ 15.09 ถือว่าจะเป็นการสะท้อนในด้านความเป็นจริงในส่วนของที่ดินในบางแปลงที่มีราคาถูกมากเกินไป ซึ่งไม่ตรงต่อสภาพความเป็นจริงในเรื่องของราคาซื้อขาย การเตรียมประกาศปรับขึ้นราคาประเมินของกรมธนารักษ์ในครั้งนี้ก็จะช่วยให้มีการจัดเก็บรายได้ในส่วนนี้เข้าประเทศมากขึ้น และการปรับขึ้นราคาที่ดินเพิ่มขึ้นอีก 15.09 เปอร์เซ็นต์ในพื้นที่ฉะเชิงเทรานั้นมองว่าไม่มากเกินไป และเชื่อว่าไม่น่าที่จะส่งผลกระทบ และเป็นอุปสรรคในการลงทุนต่อผู้ที่จะเข้ามาจัดหาซื้อที่ดินอยู่อาศัย และเปิดกิจการ
และจะเกิดประโยชน์ต่อผู้ที่จะเข้ามาหาซื้อที่ดินโดยใช้เงินลงทุนจากแหล่งเงินทุนนั้นก็จะช่วยให้เป็นเครื่องยืนยันต่อแหล่งเงินทุนได้ว่า ที่ดินที่ต้องการจะซื้อนั้นมีราคาประเมินสูงเพียงพอ สถาบันการเงินก็พร้อมที่จะปล่อยเงินกู้ให้แก่ผู้ต้องการลงทุนสูงขึ้นตามไปด้วย จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นข้อดีของนักลงทุนในอีกมุมหนึ่ง