เชียงราย - ผู้ว่าฯ เชียงรายพบหอการค้าแจกแจงข้อมูลเพื่อหนุนเดินหน้าตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เผยการแก้ไขปัญหาอาจให้เอกชนลงทุนโดยเช่าที่กรมธนารักษ์หรือตั้งนิคมอุตสาหกรรม คาดสรุปพื้นที่ได้ไม่เกิน 2 เดือน ด้านกลุ่มรักษ์เชียงของปักธงค้านห้ามใช้พื้นที่ป่าชุมชนเด็ดขาด
ที่ห้องประชุมร้านท่าน้ำภูแล อ.เมือง จ.เชียงราย นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เดินทางไปพบปะและแจ้งแนวทางการทำงานของจังหวัดต่อหอการค้า จ.เชียงราย โดยมีนายอนุรัตน์ อินทร ประธานหอการค้า จ.เชียงราย นำคณะผู้บริหาร กรรมการ และสมาชิกหอการค้า จ.เชียงราย เข้าร่วมรับฟังครบครัน
ผู้ว่าราชการจังหวัดได้แจ้งนโยบายที่ชัดเจนว่าต่อไปภาครัฐจะทำงานร่วมกับภาคเอกชน โดยดึงภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาจังหวัดในด้านต่างๆ ให้มากขึ้น โดยเรื่องเร่งด่วนคือเรื่องเศรษฐกิจเพราะสภาวะเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันถือว่าไม่เป็นปกติ เช่น มูลค่าการส่งออกในภาพรวมลดลง จากที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ก็เหลือร้อยละ 4.9 เป็นต้น
นายบุญส่งยังได้ชี้แจงถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลหลายเรื่อง เช่น งบประมาณตำบลละ 5 ล้านบาท การเพิ่มเงินกู้ให้กองทุนหมู่บ้านละ 1 ล้านบาทโดยปลอดดอกเบี้ยเพื่อหวังให้เม็ดเงินไปสร้างความสะพัดในระบบ ส่วนมาตรการระยะยาวจะมีการพัฒนาเศรษฐกิจโดยเน้นให้เกิดความสมดุล จากเดิมที่เน้นการส่งออกเป็นปัจจัยหลัก ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 60 ของรายได้ประเทศ ก็จะหันมาส่งเสริมให้มีการบริโภคในประเทศให้มากขึ้น เป็นต้น
“สำหรับ จ.เชียงราย พบว่าภาคการค้าขายชายแดนเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องเดินหน้าผลิตสินค้าที่ใช้แรงงานน้อย มีการแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า และปัจจัยที่จะทำให้เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเดินหน้าได้คือโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า ถนน ฯลฯ ซึ่งต้องมีความพร้อม ดังนั้นรัฐจะมีการลงทุนเรื่องนี้ ซึ่งวิธีการแก้ไขอาจให้เอกชนเข้ามาลงทุนโดยเช่าที่ธนารักษ์ หรือตั้งนิคมอุตสาหกรรมต่อไป”
นายบุญส่งกล่าวอีกว่า การจัดหาที่ดินเพื่อให้เอกชนเช่าที่ดินที่ชัดเจนคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือน และยืนยันกับคนในพื้นที่ว่าโรงงานที่จะเข้ามาตั้งจะปลอดจากมลภาวะแน่นอน ทั้งนี้ คาดว่าภายหลังจากได้ประกาศพื้นที่ก็จะพร้อมเดินหน้าเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอย่างเต็มรูปแบบภายใน 1 ปีต่อไป
ผู้ว่าราชการ จ.เชียงรายกล่าวถึงภาคการท่องเที่ยวว่า จ.เชียงรายมีความพร้อมในเรื่องนี้อย่างมาก จึงได้ออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วง 2 ปีนับจากนี้ ทั้งด้านการสร้างระบบสาธารณูปโภคสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวต่างๆ การจัดกิจกรรมช่วงที่ไม่ใช่ช่วงท่องเที่ยวให้มากขึ้น เป็นต้น เชื่อว่าจะสามารถส่งเสริมให้การท่องเที่ยวมีประสิทธิภาพและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปเยือนมากขึ้นต่อไป
ด้านนายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว แกนนำกลุ่มรักษ์เชียงของ กล่าวว่า กรณีทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้กำหนดพื้นที่สำรวจเพื่อจะใช้ส่วนหนึ่งของ อ.เชียงของ เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนั้นตนและชาวบ้านไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะพื้นที่ที่กำหนดเพื่อคัดสรรว่าจะให้เอกชนเข้าไปลงทุนหรือไม่คือที่ ต.บุญเรือง นั้นไม่เหมาะสมเพราะเป็นป่าชุมชนชัดเจนซึ่งจะมีผลกระทบต่อประชาชนในหลายมิติ ดังนั้น ในวันที่ 11-12 ต.ค.ที่ผ่านมาจึงร่วมกับประชาชนในการวิจัยพื้นที่อย่างละเอียด และพร้อมจะนำข้อมูลต่างๆ เสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อยับยั้งโครงการดังกล่าวต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า จ.เชียงรายได้รับการกำหนดให้ อ.แม่สาย อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยทางคณะกรรมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพน.) เห็นชอบให้ดำเนินการในระยะที่ 2 พร้อมกับ จ.นครพนม นราธิวาส และกาญจนบุรี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2559
สำหรับ อ.เชียงของ ทางจังหวัดได้คัดเลือกสถานที่เพื่อให้ทาง กพน.นำไปพิจารณาจำนวน 5 จุด ได้แก่ 1. ที่สาธารณประโยชน์บ้านบุญเรือง ม.2 ต.บุญเรือง อ.เชียงของ ซึ่งรัฐสำรวจแล้วมีเนื้อที่ 3,021 ไร่ 1 งาน 75 ตารางวา (พื้นที่นี้ทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้ขอใช้เพื่อการศึกษาจำนวน 1,226 ไร่) 2. ที่สาธารณประโยชน์ที่บ้านทุ่งงิ้ว ม.2 ต.สถาน เนื้อที่ 531 ไร่ 3 งาน 27 ตารางวา 3. ที่สาธารณประโยชน์บ้านหาดทรายทอง ม.8 ต.ริมโขง เนื้อที่ 179 ไร่ 66 ตารางวา 4. ศูนย์พักพิงผู้อพยพบ้านตอง ม.6 ต.ครึ่ง เนื้อที่ 288 ไร่ 5. ที่เลี้ยงสัตว์หนองสามขา ม.5 ต.ห้วยซ้อ เนื้อที่ 770 ไร่
