กาญจนบุรี - ผู้ว่าฯ กาญจนบุรี เรียกประชุมด่วนหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมคณะกรรมการศูนย์บัญชาการเฝ้าติดตามสถานการณ์สาธารณภัยในพื้นที่กาญจนบุรี เพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำท่วม หลังพบปริมาณน้ำใน 2 เขื่อนยักษ์เพิ่มขึ้น
เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (9 ต.ค.) ที่ห้องประชุม ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี นายศักดิ์ สมบุญโต ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้เรียกประชุม นายฉัตรณรงค์ ศิริพร ณ ราชสีมา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมคณะกรรมการศูนย์บัญชาการเฝ้าติดตามสถานการณ์สาธารณภัยในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อป้องกัน และรับมือสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากที่อาจจะเข้าท่วมในเขตพื้นที่ 9 อำเภอ ของจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งการประชุมครั้งนี้ถือว่าเป็นการเรียกประชุมอย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้ นายฉัตรณรงค์ ศิริพร ณ ราชสีมา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี ได้รายงานสถานการณ์ว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ได้เปิดเผยข้อมูลว่า เขื่อนศรีนครินทร์ ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ สามารถรองรับน้ำได้ที่ความจุ จำนวน 17,745 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบัน อ่างมีความจุของน้ำอยู่ที่ 12,751.96 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 71.86% (ปริมาณน้ำใช้งานได้ 2,486.96 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 32.25 %)
และวันนี้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ จำนวน 35.95 ล้าน ลบ.ม. โดยระบายน้ำออก จำนวน 2.04 ล้าน ลบ.ม. ขณะนี้เขื่อนศรีนครินทร์สามารถรับน้ำได้อีก จำนวน 4,993.04 ล้าน ลบ.ม.
สำหรับเขื่อนวชิราลงกรณ อ.ทองผาภูมิ สามารถรองรับน้ำได้ที่ความจุ 8,860 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีความจุของน้ำอยู่ที่ 5,351.99 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 60.41% (ปริมาณน้ำใช้งานได้ 2,339.99 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 40.01%) โดยในวันนี้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่าง จำนวน 25.81 ล้าน ลบ.ม.และระบายออก 2.08 ล้าน ลบ.ม.โดยอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ สามารถรับน้ำได้อีก จำนวน3,508.01 ล้าน ลบ.ม.
ด้าน นายวัฒนศักดิ์ วงศ์แก้ว หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำ ปรับปรุงและบำรุงรักษา โครงการชลประทานกาญจนบุรี (จน.ชป.กาญจนบุรี) เปิดเผยว่า อ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่ไหลเข้าพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี มีทั้งหมด 3 แห่ง คือ 1.อ่างเก็บน้ำพุตะเคียน ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งอ่างน้ำแห่งนี้นำมาช่วยเหลือโครงการพระราชดำริห้วยองคต อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี สามารถบรรจุน้ำได้ จำนวน 4 ล้าน ลบ.ม.ปัจจุบันมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 2.82 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 70.52% (เทียบกับวันนี้เมื่อ ปี 2558 ปริมาณน้ำ 1.66 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 41.62%)
2.อ่างเก็บน้ำลำตะเพิน ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี หากมีปริมาณน้ำมากจะไหลเข้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี เริ่มตั้งแต่พื้นที่ อ.หนองปรือ อ.บ่อพลอย และ อ.เมืองกาญจนบุรี อ่างน้ำแห่งนี้สามารถบรรจุน้ำได้ จำนวน 50 ล้าน ลบ.ม.ปัจจุบันมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 49.95 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 99.91% (เทียบกับวันนี้เมื่อ ปี 2558 ปริมาณน้ำ 23.04 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 46.09%)
3.อ่างเก็บน้ำห้วยเทียน ตั้งอยู่ที่ ต.ทุ่งกระบ่ำ อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี อ่างดังกล่าวสามารถบรรจุน้ำได้ จำนวน 10.65 ล้าน ลบ.ม.ปัจจุบันมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 8.50 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 79.85% (เทียบกับวันนี้เมื่อปี 2558 ปริมาณน้ำ 2.95 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 27.75%)
นายศักดิ์ สมบุญโต ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ได้เกิดสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมใน 9 อำเภอ โดยเวลาประมาณ 15.00 น.ของวันที่ 5 ต.ค. เกิดขึ้นที่ ต.ท่าขนุน และ ต.สหกรณ์นิคม อ.ทองผาภูมิ ทำให้พื้นที่การเกษตร และสาธารณประโยชน์ได้รับความเสียหาย ขณะนี้อยู่ระหว่างในการสำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือ
ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันที่ 6 ต.ค เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากมาจาก ต.หนองโสน ต.หนองฝ้าย และ ต.ทุ่งกระบ่ำ อ.เลาขวัญ เข้าท่วมสถานที่ราชการของอำเภอเลาขวัญ ซึ่งเป็นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณภัยอำเภอเลาขวัญ เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจได้ร่วมสูบน้ำลงสู่คลองหมื่นเทพ แต่ก็เป็นไปด้วยความล่าช้า เพราะปริมาณน้ำที่มีอยู่ในคลองหมื่นเทพ ค่อนข้างสูงเช่นกัน แต่ขณะนี้ระดับน้ำได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง
วันที่ 6 ต.ค.ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักในเขตพื้นที่อำเภอบ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมในพื้นที่ ต.หลุมรัง ต.หนองกุ่ม ต.หนองรี และ ต.ช่องด่าน ซึ่งนายอำเภอบ่อพลอย พร้อมด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ทหาร ร.9 พัน 2 และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้มอบสิ่งของเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบในเบื้องต้นแล้ว
สำหรับพื้นที่อำเภอห้วยกระเจา ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักในวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้น้ำไหลเข้าท่วม ต.ห้วยกระเจา และ ต.สระลงเรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งให้ความช่วยเหลือ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย
ส่วนอำเภอหนองปรือ ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักเมื่อวันที่ 6 ต.ค.เช่นกัน ทำให้เกิดน้ำท่วมขึ้นในพื้นที่ ต.หนองปรือ ต.หนองปลาไหล และ ต.สมเด็จเจริญ ซึ่งนายอำเภอหนองปรือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เข้าให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว และอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย ส่วนอำเภอที่ได้รับผลกระทบอีก 4 อำเภอ คือ อ.เมืองกาญจนบุรี อ.ท่าม่วง อ.ด่านมะขามเตี้ย และ อ.สังขละบุรี
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้สำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นรวมกัน 9 อำเภอ 31 ตำบล 226 หมู่บ้าน 8,315 ครัวเรือน 23,202 คน ด้านการเกษตรที่เสียหายประกอบด้วย พืชไร่ จำนวน 5,831 ไร่ นาข้าว จำนวน 1,517 ไร่ และพืชสวน จำนวน 21 ไร่
นายศักดิ์ สมบุญโต ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยต่อว่า จากการเปิดเผยข้อมูลปริมาณที่มีอยู่ทั้ง 2 เขื่อน และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้ง 3 แห่ง เมื่อเทียบกับความจุ และปริมาณที่ที่มีอยู่ในปัจจุบันถือว่า มีอยู่เป็นจำนวนมาก
ดังนั้น เจ้าหน้าที่ศูนย์บัญชาการณ์เหตุการณ์จังหวัดกาญจนบุรี จะได้ติดตาม และเฝ้าระวังสถานการณ์สาธารณภัยในพื้นที่อย่างใกล้ชิด อีกทั้งจะต้องจัดเวรยามเฝ้าระวังสถานการณ์ ตลอด 24 ชั่วโมง และหากประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ขอให้รีบแจ้งให้ผู้นำท้องท้องถิ่นในท้องที่นั้นๆ ทราบโดยด่วน เพื่อผู้นำท้องถิ่นจะได้รีบแจ้งมายังศูนย์บัญชาการณ์เหตุการณ์จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจะสามารถส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วต่อไป