ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ย้อนรอย “ซิปไลน์เชียงใหม่” กิจกรรมท่องเที่ยวผจญภัยที่กำลังทำเงิน แต่ทำนักท่องเที่ยวเจ็บ-ตายซ้ำซาก พบล้วนตั้งอยู่กลางป่าสงวนฯ-อุทยานแห่งชาติฯ ทั้งหมด แถมส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับอนุญาตใช้ประโยชน์พื้นที่ มีแต่ใบอนุญาตประกอบการท่องเที่ยวเท่านั้น ด้านปลัด มท.สั่งทุกจังหวัดล้อมคอก คุมเข้มความปลอดภัย
กล่าวได้ว่า การโหนสลิง หรือซิปไลน์ ตามแหล่งท่องเที่ยวแบบผจญภัยกำลังเป็นกิจกรรมที่โดดเด่น ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวในเชียงใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็เกิดคำถามถึงมาตรฐานการให้บริการ โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัย หลังจากในปีนี้มีนักท่องเที่ยวโหนสลิงชนกันเจ็บ-ตายเกิดขึ้นถี่ยิบ
ไม่ว่าจะเป็นกรณีแพทย์ชาวจีน วัย 44 ปี ที่พลัดตกจากฐานบนยอดไม้ความสูง 12 เมตร จนเสียชีวิต ระหว่างใช้บริการเล่นซิปไลน์สถานที่ท่องเที่ยวใน ต.เทพเสด็จ อ.ดอยสะเก็ด เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน 58 ที่ผ่านมา, นักท่องเที่ยวชาวจีน โหนสลิงชนกับนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันได้รับบาดเจ็บสาหัส ในพื้นที่ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ เมื่อกลางเดือนกรกฎาคม 58, นักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน โหนสลิงชนกันกลางอากาศระหว่างใช้บริการเล่นซิปไลน์ในแหล่งท่องเที่ยวแบบผจญภัยเขต ต.เทพเสด็จ อ.ดอยสะเก็ด อีกครั้ง
ล่าสุด 11 ต.ค.ที่ผ่านมา นางหว่าง ฉี อายุ 32 ปี นักท่องเที่ยวชาวจีน ก็ประสบอุบัติเหตุขณะร่วมกิจกรรมผจญภัยเหินเวหาซิปไลน์ (Zipline) ด้วยลวดสลิง ฐานความยาวสลิง 600 เมตร จากฐานที่ 12 ไปยังฐานที่ 13 จากทั้งหมด 32 ฐาน ในสถานที่ท่องเที่ยว “กระรอกบิน” หมู่ 5 บ้านปงไคร้ ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ จนคอหักเสียชีวิต
ทั้งนี้ สถานประกอบการที่เปิดให้บริการกิจกรรมซิปไลน์ในเชียงใหม่ที่มีอยู่ 14 รายนั้น มีการยื่นการจดทะเบียนขอใบอนุญาตเพียง 8 ราย และเป็นเพียงการขออนุญาตประกอบการท่องเที่ยวเท่านั้น โดยสถานบริการทั้งหมดตั้งอยู่บนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 11 ราย และอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ 2 ราย ส่วนอีกหนึ่งรายอยู่ในเขตรับผิดชอบของทหาร
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบด้วยว่า ทั้ง 13 รายไม่มีการขออนุญาตเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่ทั้งป่าสงวนแห่งชาติ และอุทยานแห่งชาติ แต่อย่างใด
นางดวงกมล จันทร์สุริยวงศ์ นายกสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (ทีต้า) กล่าวว่า ควรมีการปรับปรุงมาตรฐานการให้บริการของแหล่งท่องเที่ยวเชิงผจญภัยให้มีคุณภาพ หลังจากมีอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นมาก เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ซ้ำกับที่เคยเกิดมาแล้ว แสดงให้เห็นถึงปัญหามาตรฐานด้านความปลอดภัยและระบบการดูแลจัดการที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข หากปล่อยให้เกิดภาพลักษณ์ในเชิงลบต่อไปจะเป็นผลเสียต่อโอกาสในการสร้างรายได้ของการท่องเที่ยวในระยะยาว
โดยตลาดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัยเป็นตลาดที่เติบโตแรงที่สุดในปีนี้ คาดจะขยายตัวได้ถึง 30% เป็นตลาดที่นักท่องเที่ยวมีศักยภาพการใช้จ่ายสูง-มีคุณภาพ เนื่องจากกิจกรรมทั้งหมดดึงดูดความสนใจเฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะเครื่องเล่นประเภท ซิปไลน์ สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่บริหารโดยชาวต่างชาติจะมีราคา 3,000-4,000 บาท ส่วนผู้ประกอบการไทยเฉลี่ยที่ราคา 1,000-2,000 บาท
เพราะขณะที่การท่องเที่ยวกระแสหลักต่างลดลงทั้งหมดยกเว้นจีนที่ขยายตัวสูง แต่สำหรับตลาดแอดเวนเจอร์ ตลาดกลุ่มยุโรป ออสเตรเลีย อเมริกา ยังมาต่อเนื่อง ดังนั้นในอนาคตกรมการท่องเที่ยวควรเร่งจัดทำมาตรฐานให้ครอบคลุมโดยเร็วที่สุด เนื่องจากขณะนี้มีเครื่องเล่นประเภทเอ็กซ์ตรีมที่มีความเสี่ยงอันตรายสูงอีกหลายรายการที่ยังไม่มีมาตรฐานควบคุมที่ชัดเจน โดยเฉพาะเครื่องเล่นซิปไลน์ กิจกรรมจักรยาน ปีนหน้าผา ที่เริ่มแพร่ขยายความนิยมมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุครั้งล่าสุด ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยมีประเด็นสำคัญ คือ การจัดระเบียบธุรกิจเครื่องเล่นซิปไลน์ ให้มีมาตรฐานกลาง รวมทั้งการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการให้ถูกต้อง รวมถึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่โยธาธิการและผังเมืองเข้าไปตรวจสอบคุณภาพของโครงสร้าง โดยเฉพาะ เครื่องเล่นที่มีความสูงเกิน 5 เมตร ให้เป็นไปตามกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมเครื่องเล่น พ.ศ. 2558
ด้านนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ได้ลงมาตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า นายกรัฐมนตรีเสียใจและให้ความสำคัญอย่างมากต่อกรณีที่เกิดขึ้นนี้ พร้อมสั่งการให้เร่งตรวจสอบและเพิ่มความเข้มงวดมาตรฐานการดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งกำลังเร่งดำเนินการแล้ว และจะให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว เพราะความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ส่วนกรณีที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตเรียกร้องให้ช่วยเร่งรัดติดตามการดำเนินคดีนั้น ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายถึงที่สุดอย่างแน่นอน
ด้านนายเฉา เสี่ยวเหลียง กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางกงสุลมีการให้คำแนะนำและแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ให้ระมัดระวังการท่องเที่ยวเชิงผจญภัยรวมทั้งการเล่นซิปไลน์ด้วย แต่ก็ยังมีเหตุการณ์สูญเสียเกิดขึ้นอีก
ล่าสุดวานนี้ (17 ต.ค.) นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ทุกจังหวัดเร่งหาทางดูแลรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวระหว่างใช้บริการเครื่องเล่นต่างๆ ในพื้นที่ เช่น สนามยิงปืน กระเช้าลอยฟ้า สนามขับรถแข่ง เรือสกี พารามอเตอร์ รอกโหนตัวหรือบันจี้จัมป์ ปีนเขา หรือกรณีเรือ รถรับจ้างบริการนักท่องเที่ยว ดังนี้
1. จัดประชุมเจ้าหน้าที่ในระดับจังหวัดเพื่อสำรวจตรวจสอบว่าในพื้นที่ที่มีบริการนักท่องเที่ยวลักษณะแบบใด และเครื่องเล่นหรือสถานบริการนักท่องเที่ยวเหล่านั้นมีระเบียบกฎหมายควบคุมให้เกิดความปลอดภัยหรือไม่ หรือมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดอุบัติเหตุหรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุหรือไม่
2. จัดประชุมเชิญเจ้าของสถานบริการท่องเที่ยวดังกล่าว พร้อมเชิญประธานหอการค้า/ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดมาประชุมร่วมกับส่วนราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งขอความร่วมมือให้เจ้าของผู้ให้บริการนักท่องเที่ยวได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น กฎหมายควบคุมอาคาร/กฎหมายการรักษาความสะอาด/กฎหมายควบคุมการจำหน่ายสุรา/กฎหมายสถานบริการ ฯลฯ โดยเคร่งครัด เพื่อมิให้เกิดอุบัติเหตุ
หากเจ้าของหรือผู้ให้บริการรายใดไม่ให้ความร่วมมือหรือปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการตามข้อกำหนดของกฎหมายก็ให้ใช้มาตรการทางปกครองที่กฎหมายให้อำนาจไว้ เช่น การระงับใช้ใบอนุญาตหรือสั่งปิดสถานการบริการตามกำหนดเวลา เป็นต้น
3. จัดชุดเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบูรณาการทำงานร่วมกันทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร รวมถึงผู้ปกครองท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น เพราะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ/สาธารณสุข/โยธาธิการ/อุตสาหกรรม/แรงงาน/ขนส่ง/กรมเจ้าท่า ฯลฯ ออกไปตรวจตราสถานบริการท่องเที่ยวในพื้นที่เป็นระยะๆ ด้วย
4. จัดให้มีการประชาสัมพันธ์ รณรงค์ชี้แจงในทุกช่องทาง เพื่อให้ทั้งเจ้าของสถานบริการท่องเที่ยว หรือผู้ประกอบการ ตลอดจนประชาชนทั่วไปมีจิตสำนึกในการให้ความร่วมมือ และระมัดระวังในการใช้เครื่องเล่นหรือใช้บริการท่องเที่ยวด้วยความระมัดระวังไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว หรือรายได้ผลกำไร จนไม่ดำเนินการตามข้อกำหนดของกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการจนเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น
5. ประเทศไทยกำลังจะเข้าฤดูการท่องเที่ยวไทย ขอให้จังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น แขวงการทางฯ ทางหลวงชนบท องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำรวจ ตรวจสอบเส้นทางการเดินทางท่องเที่ยวที่เสี่ยงภัย/เสี่ยงอุบัติเหตุ/เสี่ยงอาชญากรรม ให้ได้รับการแก้ไข ซ่อมแซม และปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพและความปลอดภัย
6. การกำหนดมาตรการอื่นๆ ที่มีผลส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรมบริการท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับพื้นที่ เช่น เน้นย้ำให้ อปท.ดำเนินการเรื่องความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่ท่องเที่ยว การเตรียมความพร้อมของเครื่องป้องกันอุบัติเหตุและสาธารณภัย มีการจัดทำป้ายบอกทางหรือป้ายบอกพื้นที่เสี่ยง ฯลฯ
ปลัดกระทรวงมหาดไทยกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทย กำลังเร่งดำเนินการศึกษาและพิจารณาออกกฎหมายหรือระเบียบต่างๆ เพื่อให้มีมาตรการมาใช้ในการควบคุมดูแลสถานบริการท่องเที่ยวต่างๆ ให้รัดกุมรอบคอบ ซึ่งจะได้สอบถามความคิดเห็นของจังหวัดเกี่ยวกับข้อกำหนดหรือมาตรการต่างๆ ในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากเครื่องเล่นหรือบริการต่างๆ รวมถึงความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยว เพื่อให้การแก้ไขปัญหาครอบคลุมทุกมิติและเป็นไปตามสภาพข้อเท็จจริงในปัจจุบัน