ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “ศาลอุทธรณ์” พิพากษากลับสั่งประหารชีวิต “อุทิศ ชูช่วย” อดีตนายก อบจ.สงขลา กับพวก 3 คน ขณะที่น้องชาย “กิตติ ชูช่วย” และอีก 1 จำเลย สั่งให้จำคุกตลอดชีวิต ในคดีลอบสังหารโหด “พีระ ตันติเศรณี” อดีตนายกนครสงขลา ผู้เป็นทั้งเพื่อนสนิท และคู่หูทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ต.ค.) ศาลจังหวัดสงขลา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดี นายพีระ ตันติเศรณี อดีตนายกเทศมนตรีนครสงขลา ถูกกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 7 พ.ย.2555 บริเวณหน้าสำนักงานสงขลาฟอรั่ม เลขที่ 97 ถ.นครใน เขตเทศบาลนครสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา หลังจากที่ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษายกฟ้องนายอุทิศ ชูช่วย อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา พร้อมพวกรวม 5 คน เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2557 และโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของศาลชั้นต้น
สำหรับการอ่านคำพิพากษาขอศาลอุทธรณ์ในวันนี้ ปรากฏว่า ศาลอุทธรณ์ได้กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยตัดสินให้ประหารชีวิต “นายกต้อย” หรือนายอุทิศ ชูช่วย จำเลยที่ 5 พร้อมด้วย นายไพศาล หนูพันธ์ จำเลยที่ 1 นายฉ้วน หมวดมี จำเลยที่ 3 ส่วนนายกิตติ ชูช่วย จำเลยที่ 4 ผู้เป็นน้องชายของนายอุทิศ และนายสุดขีด จันทร์เขียว จำเลยที่ 7 ให้จำคุกตลอดชีวิต โดยหลังจากที่ศาลอุทธรณ์ได้อ่านคำพิพากษาแล้ว จำเลยทั้งหมดได้ขอยื่นประกันตัวเพื่อต่อสู้ในชั้นศาลฎีกาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับบรรยากาศของการอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในวันนี้ ญาติๆ ของนายพีระ ตันติเศรณี อดีตนายกเทศมนตรีนครสงขลา ที่ถูกลอบสังหาร นำโดยนายจารึก ตันติเศรณี น้องชายนายพีระ และ พญ.ชญา พรรคทองสุข ภรรยานายพีระ ได้เดินทางไปฟังคำพิพากษาในครั้งนี้ด้วย และเมื่อทราบว่ามีการกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นทุกคนต่างแสดงความดีใจ พร้อมกับยืนยันว่า จะเคารพในคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์รวมถึงทุกศาลต่อไป
สำหรับคดีนี้เป็นหนึ่งในคดีดัง และถือว่าอุกฉกรรจ์ที่เกิดขึ้นใน จ.สงขลา โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องต่อนักการเมืองที่มีสายสัมพันธ์โยงใยอยู่ในพรรคใหญ่ที่เป็นที่นิยมของคนภาคใต้ โยเฉพาะครองใจผู้คนใน จ.สงขลามายาวนาน จึงได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างแทบไม่กะพริบตา
นอกจากนี้แล้ว ทั้งนายพีระ ตันติเศรณี อดีตนายกเทศมนตรีนครสงขลา ที่เสียชีวิต และนายอุทิศ ชูช่วย อดีตนายก อบจ.สงขลา ซึ่งเคยนั่งในตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครสงขลามาก่อนด้วย ต่างก็เป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงด้วยกันทั้งคู่ และที่สำคัญเคยมีภาพเป็นเหมือนเพื่อนตายกันมาตั้งแต่สมัยใส่กางเกงขาสั้นชุดนักเรียน เมื่อเติบโตก็กลายมาเป็นคูหูทางการเมืองกัน โดยหลังจากที่ นายอุทิศ ผันตัวเองไปลงนายก อบจ.สงขลา และชนะการเลือกตั้ง ได้ผลักดันให้นายพีระ ลงสมัครนายกเทศมนตรีนครสงขลา จนได้รับการเลือกตั้งเช่นกัน
แต่ทั้งคู่กลับกลายเป็นเป็นคู่แข่งทางการเมือง และถึงขั้นแตกหักกันในเรื่องของโครงการก่อสร้างกระเช้าลอยฟ้า ซึ่งเป็นโครงการของนายอุทิศ ในฐานะนายก อบจ.สงขลา แต่ถูกนายพีระ ในฐานะนายกเทศมนตรีนครสงขลา เจ้าของพื้นที่ขัดขวาง และหลังการตายของนายพีระ นั้น นายอุทิศ ก็ต้องหยุดเส้นทางชีวิตบนถนนการเมืองของตัวเอง เนื่องจากในการเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา ครั้งล่าสุดได้พ่ายแพ้ให้แก่ นายนิพนธ์ บุญญามณี ซึ่งก็เคยเป็นเพื่อร่วมก๊วนเดียวกันที่ผันตัวเองจากสนามการเมืองระดับชาติลงมาสู่ระดับท้องถิ่น
อนึ่ง สำหรับคดีลอบสังหารนายพีระ นั้น มีผู้ต้องหาที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลาสั่งฟ้องรวม 10 คน แต่ในชั้นอัยการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา 3 คนคือ นายปราโมทย์ แสงอรุณ นายณัฐพร นัคเร นายชยันต์ หนูพันธ์ และระหว่างการพิจารณามีจำเลยถูกยิงเสียชีวิต 2 คน คือ นายอธิป ด้วงมาก จำเลยที่ 2 และนายนิวัฒน์ รัตน์แก้ว จำเลยที่ 6 จึงเหลือจำเลยในคดีนี้เพียง 5 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ภายหลังจากที่ศาลอุทธรณ์ได้อ่านคำพิพากษาแล้ว จำเลยทั้งหมดได้ขอยื่นประกันตัวเพื่อต่อสู้ในชั้นศาลฎีกา โดยศาลอุทธรณ์ได้คัดค้านการประกันตัว และส่งตัวไปควบคุมยังเรือนจำจังหวัดสงขลาทันที ด้วยรถควบคุมผู้ต้องหา โดยมีรถตำรวจ สภ.สงขลา 3 คัน คุมหัวท้ายตลอดเส้นทางจากศาลไปยังเรือนจำแล้ว