บุรีรัมย์ - ตัวแทนชาวบ้านเกษตรกร 3 หมู่บ้าน ที่อยู่รอบบ่อขยะสุดทน ร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องย้ายบ่อขยะออกไปพื้นที่อื่น หลังต้องทนสูดดมกลิ่นเหม็นเสี่ยงเชื้อโรค และมลพิษ ทั้งกระทบพืชผลการเกษตรกรที่อยู่รอบกองขยะ เดือดร้อนมานานกว่า 20 ปี แม้ร้องเรียนเคลื่อนไหวคัดค้านแต่ไม่เป็นผล
วันนี้ (5 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนชาวบ้าน และเกษตรกร หมู่ 9, 12 และหมู่ 13 ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ออกมาร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งองค์การบริหารส่วนตำบลปังกู จังหวัด และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้ามาสำรวจช่วยเหลือแก้ไขย้ายที่ทิ้งขยะแบบบ่อฝังกลบของเทศบาลประโคนชัย อ.ประโคนชัย บ่อที่ 2 ในพื้นที่ ส.ป.ก.กว่า 187 ไร่ ที่ตั้งอยู่บ้านห้วยปอ ม.9 ต.ปังกู อ.ประโคนชัย ที่เทศบาล และ อบต. ร่วม 10 แห่ง นำขยะมาทิ้งเฉลี่ยวันละกว่า 50 ตัน ปัจจุบันมีปริมาณขยะสะสมมากกว่า 1,000 ตัน ได้นำไปทิ้ง และกำจัดในพื้นที่อื่นแบบถูกวิธี ไม่ก่อมลพิษ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน และเกษตรกร
หลังขยะดังกล่าวได้สร้างมลพิษ ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชาวบ้านไปทั่วบริเวณ โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝน ทำให้น้ำเสียที่ถูกชะล้างจากกองขยะได้ไหลลงสู่ไร่นาของเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย มันสำปะหลัง และนาข้าวที่ปลูกไว้รอบบริเวณได้รับความเสียหาย ซ้ำน้ำบาดาล หรือน้ำใต้ดินไม่สามารถนำมาใช้อุปโภคบริโภคได้ เกรงจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาชาวบ้าน และเกษตรกรทั้ง 3 หมู่บ้าน ได้ร่วมกันออกมาร้องเรียนเคลื่อนไหวต่อต้านไม่ให้เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบลร่วม 10 แห่ง นำขยะมาทิ้งสร้างมลภาวะในพื้นที่ดังกล่าว แต่ก็ไม่เป็นผล ทำให้ชาวบ้านหมู่บ้านใกล้เคียงต้องทนสูดดมกลิ่นเหม็น เสี่ยงต่อเชื้อโรคจากแมลงวันที่มาตอมกองขยะ และมลพิษจากกองขยะสะสมจำนวนมาก สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้าน และเกษตรกรที่อาศัยอยู่รอบบริเวณบ่อขยะมานานกว่า 20 ปี
จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาช่วยเหลือหาวิธีกำจัดให้ถูกวิธี หรือย้ายบ่อขยะดังกล่าวไปที่อื่น เพื่อไม่ให้กระทบต่อความเป็นอยู่ของชาวบ้าน
นายสังวาล และนางเต็ม ทองแม้น สองสามีภรรยา บ.หนองบอน ต.ปังกู บอกว่า ได้รับผลกระทบจากบ่อขยะดังกล่าวมากว่า 20 ปีแล้ว เพราะไม่สามารถเจาะน้ำใต้ดินขึ้นมาอุปโภคบริโภคได้ ที่สำคัญพืชผลการเกษตร โดยเฉพาะนาข้าวที่เพาะปลูกใกล้กับบ่อขยะก็ถูกน้ำที่ปะปนสารพิษไหลใส่นาข้าวทำให้ผลผลิตเสียหาย ทั้งยังเสี่ยงต่อเชื้อโรคเพราะต้องย่ำน้ำในการทำนาด้วย จึงอยากร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาแก้ไขปัญหาโดยการกำจัดให้ถูกวิธี หรือย้ายไปทิ้งที่อื่นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านด้วย
ด้าน นายสำรวล ชูโพธิ์ ตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ บอกว่า นอกจากชาวบ้านจะทนสูดดมกลิ่นเหม็นของขยะแล้ว ยังต้องเสี่ยงต่อเชื้อโรคจากแมลงวัน และเสี่ยงอันตรายจากน้ำที่ชะล้างสารพิษจากกองขยะลงไปในแหล่งน้ำธรรมชาติที่ชาวบ้านนำไปอุปโภคบริโภค และเลี้ยงสัตว์ ถึงแม้ทางเทศบาลตำบลประโคนชัย จะทำการฝังกลบ แต่ก็เป็นการกำจัดที่ยังไม่ถูกวิธี ประกอบกับปริมาณขยะจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็จะเป็นปัญหาในอนาคตอีกอย่างแน่นอน
ขณะที่ ด.ต.ทวี พรหมเอาะ นายก อบต.ปังกู อ.ประโคนชัย ได้ออกมาชี้แจงว่า ขยะที่นำมาทิ้งในพื้นที่บ้านห้วยปอ ต.ปังกู นั้นเป็นขยะที่เทศบาลตำบลประโคนชัย และอีกหลาย อบต.นำมาทิ้ง ทาง อบต.ปังกู เป็นเพียงเจ้าของพื้นที่ แต่ทางเทศบาลตำบลประโคนชัย เป็นผู้ดูแลบริหารจัดการขยะดังกล่าวโดยการใช้วิธีฝังกลบ แต่ปัจจุบันปริมาณขยะก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านพื้นที่ใกล้เคียง
กรณีดังกล่าวทาง อบต.ปังกู ไม่ได้นิ่งนอนใจพยายามจะเข้าไปดูแลจัดการขยะดังกล่าว แต่ยังติดปัญหาเรื่องการขอใช้พื้นที่เนื่องจากจุดที่ทิ้งขยะเป็นที่ ส.ป.ก.ซึ่งได้ทำเรื่องขอถอนสภาพเป็นที่ว่างเปล่าก่อน จึงจะสามารถเข้าไปดำเนินการได้
ทั้งนี้ ยังได้จัดทำแผนแก้ไขปัญหาระยะยาวโดยการทำบันทึกข้อตกลงกับบริษัทเอกชนเพื่อก่อสร้างโรงกำจัดขยะแบบโรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งจะสามารถกำจัดอย่างถูกวิธีได้ทั้งจังหวัดเฉลี่ยวันละ 600 ตัน เชื่อว่าหากดำเนินการจัดตั้งโรงงานดังกล่าวได้จะแก้ไขปัญหาขยะได้อย่างยั่งยืน
