ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ชลประทานเผยเขื่อนหลักเชียงใหม่ส่อวิกฤตซ้ำหลังฝนทิ้งช่วงจนแทบไม่มีน้ำไหลลงอ่างกักเก็บต่อเนื่องกว่าสัปดาห์แล้ว เตรียมเร่งวางแผนบริหารจัดการรับมือสถานการณ์ เตือนอาจต้องลดเพาะปลูกบางพื้นที่ และงดเลี้ยงปลากระชังในแม่น้ำปิง ห่วงปีหน้าอาการสาหัส
วันนี้ (31 ส.ค.) นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานเชียงใหม่ เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนสำคัญของเชียงใหม่ว่า ข้อมูลล่าสุดวันนี้เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลมีปริมาณน้ำทั้งสิ้น 62.239 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือ 23.49% ของความจุเขื่อน มีน้ำไหลเข้าเพียง 144.626 ลบ.ม. ขณะที่ต้องระบายออก 316,626 ลบ.ม. ส่วนเขื่อนแม่กวงอุดมธารามีปริมาณน้ำอยู่เพียง 32.169 ล้าน ลบ.ม. หรือ 12.228% ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีน้ำไหลเข้าเขื่อนเลยเนื่องจากไม่มีฝนตก
ปกติแล้วเขื่อนแม่งัดฯ จะต้องกักเก็บน้ำให้ได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน ลบ.ม. จังหวัดเชียงใหม่จึงจะมีความเสี่ยงต่ำที่จะเกิดปัญหาภัยแล้ง ซึ่งขณะที่ปัจจุบันในเขื่อนแม่งัดฯ มีน้ำเพียง 62.239 ล้าน ลบ.ม.เท่านั้น ดังนั้นถ้าไม่มีฝนตกและไม่มีน้ำไหลเข้าเขื่อนจะเกิดปัญหาแน่นอน โดยหากปริมาณน้ำมีไม่มากพอถึงระดับดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตรสูงมาก
จึงจำเป็นต้องมีการกำหนดยุทธศาสตร์ในการใช้น้ำอย่างประหยัด โดยเบื้องต้นทางชลประทานเชียงใหม่ได้วางแผนรับมือด้วยการวางแผนสงวนน้ำไว้ที่เขื่อนหลักเพื่อการอุปโภคบริโภค 12.5 ล้าน ลบ.ม. เพื่อให้ช่วงฤดูแล้งในปี 2559 มีน้ำเพียงพอ
โดยกรณีจำเป็นจะใช้น้ำจากอ่างแม่จอก แม่เย็น ห้วยหยวก และห้วยตึงเฒ่า ซึ่งจะมีการประชุมสรุปเรื่องน้ำต้นทุนในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนพื้นที่ทางการเกษตรจะพิจารณาจัดสรรน้ำฝนให้รอดก่อน หลังจากนั้นจะดูปริมาณน้ำคงเหลือเมื่อถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน หากไม่เพียงพอจะต้องขอความร่วมมือเกษตรกรในการลดปลูกพืชในบางพื้นที่ และในบางพื้นที่ต้องไม่ปลูกพืชหากน้ำไม่เพียงพอ
นอกจากนี้จะขอความร่วมมือลดการเลี้ยงปลาในกระชังเนื่องจากปริมาณน้ำที่ไม่เพียงพอ และน้ำที่ส่งมาจากเขื่อนแม่งัดฯ เพื่อรักษาระบบนิเวศจะส่งได้ถึงพื้นที่ของอำเภอหางดงเท่านั้น ไม่เพียงพอสำหรับการเลี้ยงปลาในกระชัง และขณะนี้ได้ประชาสัมพันธ์และพบชาวบ้านเพื่อแจ้งให้ทราบถึงสถานการณ์น้ำที่ขาดแคลนในปีนี้ เพื่อเตรียมแผนรองรับ และเตรียมแผนจ้างเหมากลุ่มผู้ใช้น้ำในการบำรุงรักษาระบบชลประทาน
