ASTVผู้จัดการออนไลน์ - กรมชลประทาน ยันปล่อยน้ำแค่ 18 ล้านคิวต่อวันไม่มีเพิ่มอีกแล้ว เตือนกลุ่มเก็บเกี่ยวแล้วใช้ดุลพินิจให้ดีก่อนลงมือทำอีกรอบ เพราะน้ำที่เหลือเน้นช่วยพื้นที่ยังไม่ได้เพาะปลูกก่อน กับสำรองไว้ใช้ฤดูแล้งจนถึงต้นฝนปีหน้าเท่านั้น
ส่วนประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ล่าสุดวันที่ 11 ส.ค.ว่า เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 4,133 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ใช้การได้ 333 ล้าน ลบ.ม. น้ำไหลลงอ่างวันที่ 10 ส.ค. 19.21 ล้าน ลบ.ม. ใช้น้ำวันละ 5 ล้าน ลบ.ม.
เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 3,460 ล้าน ลบ.ม. ใช้การได้ 610 ล้าน ลบ.ม. น้ำไหลลงอ่าง 24.36 ล้าน ลบ.ม. ใช้น้ำวันละ 11 ล้าน ลบ.ม.
เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 165 ล้าน ลบ.ม. ใช้การได้ 122 ล้าน ลบ.ม. น้ำไหลลงอ่าง 6.17 ล้าน ลบ.ม. ใช้น้ำวันละ 1 ล้าน ลบ.ม.
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 81 ล้าน ลบ.ม. ใช้การได้ 78 ล้าน ลบ.ม. น้ำไหลลงอ่าง 11.28 ล้าน ลบ.ม. ใช้น้ำวันละ 1 ล้าน ลบ.ม. รวมมีปริมาณน้ำใช้การได้ทั้ง 4 เขือน 1,143 ล้าน ลบ.ม. ระบายน้ำรวมกันวันละ 18 ล้าน ลบ.ม.
สำหรับการจัดสรรน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันได้ส่งน้ำไปให้แก่พื้นที่ปลูกข้าวในทุกอายุ และจะเน้นรช่วยเหลือเกษตรกรที่ยังไม่ได้เพาะปลูกก่อน ส่วนเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวแล้วถ้าจะเพาะปลูกต่อเนื่องให้อยู่ในดุลพินิจของเกษตรกรเองว่าจะเพาะปลูกได้หรือไม่
เพราะแม้ว่าจะมีปริมาณฝนตกเพิ่มมากขึ้นในพื้นที่ตอนบน ส่งผลให้มีน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้นพอสมควร แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์น้อย และกรมชลประทานจะเน้นเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนที่เหลือนี้ให้ได้มากที่สุด โดยจะไม่เพิ่มการระบายน้ำไปมากกว่าปัจจุบัน เพื่อให้มีปริมาณน้ำสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้งจนถึงต้นฤดูฝนปีหน้าให้มากที่สุด จึงขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันใช้น้ำอย่างประหยัด และเกิดประโยชน์สูงสุดด้วย