นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า จากปัจจุบันมีการระบายน้ำเพื่อใช้ในกิจกรรมต่างๆ ของลุ่มน้ำเจ้าพระยารวมกันวันละ 28 ล้านลูกบาศ์กเมตร แต่มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างน้อยมาก ดังนั้น เพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านปริมาณน้ำใช้การได้จนถึงวันที่ 15 สิงหาคมนี้ กรมชลประทานอาจจะต้องลดการระบายลงไปอีกในสัปดาห์หน้า ซึ่งต้องหารือกันกับ 10 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การระบายน้ำที่ระดับนี้คำนวณจากปริมาณน้ำคงเหลือปัจจุบัน บวกลบ น้ำไหลลงอ่างสิริกิติ์วันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตรแล้ว โดยผลกระทบที่จะเกิดขึ้น คือ ระดับที่ลดต่ำลงของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก จ.ลพบุรี-ปทุมธานี มีความเป็นไปได้ว่าจะขาดน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค เพราะไม่มีน้ำไหลลงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
ล่าสุด ปริมาตรน้ำในเขื่อนภูมิพล มีปริมาตรน้ำเหลือใช้เพียง 179 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำไหลเข้าเขื่อน 0.91 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำระบาย 8.00 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิต์มีน้ำเหลือ 349 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำไหลเข้าเขื่อน 8.38 ล้านลูกบาศก์เมตร มีการระบายน้ำอยู่ที่ 17.10 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีน้ำเหลือ 61 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำไหลเข้าเขื่อน 0.23 ล้านลูกบาศก์เมตร และระบายน้ำอยู่ที่ 1.73 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีน้ำเหลือ 44 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำไหลเข้าเขื่อน 0.71 ล้านลูกบาศก์เมตร และต้องระบายน้ำ 1.29 ล้านลูกบาศก์เมตร
ล่าสุด ปริมาตรน้ำในเขื่อนภูมิพล มีปริมาตรน้ำเหลือใช้เพียง 179 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำไหลเข้าเขื่อน 0.91 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำระบาย 8.00 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิต์มีน้ำเหลือ 349 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำไหลเข้าเขื่อน 8.38 ล้านลูกบาศก์เมตร มีการระบายน้ำอยู่ที่ 17.10 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีน้ำเหลือ 61 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำไหลเข้าเขื่อน 0.23 ล้านลูกบาศก์เมตร และระบายน้ำอยู่ที่ 1.73 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีน้ำเหลือ 44 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำไหลเข้าเขื่อน 0.71 ล้านลูกบาศก์เมตร และต้องระบายน้ำ 1.29 ล้านลูกบาศก์เมตร