องค์การสวนสัตว์ปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยคืนสู่ธรรมชาติ

บุรีรัมย์ - องค์การสวนสัตว์ ร่วมกับกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และหลายภาคส่วน ร่วมอนุรักษ์และปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทย 12 ตัวกลับคืนสู่ธรรมชาติ ในพื้นที่ชุ่มน้ำบุรีรัมย์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา

วันนี้ (7ส.ค.58) พล.อ.ภัทรินทร์ ลีลายุทธ ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมการอนุรักษ์และปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยกลับคืนสู่ธรรมชาติ เฉลิมพระเกียรติ 83 พรรษามหาราชินี ที่หน่วยพิทักษ์ป่าชั่วคราว เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ต.สะแกโพรง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมาพรรษา 83 พรรษา 12 สิงหาคม 2558 ทั้งสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ตามพระราชเสาวนีย์ และเพิ่มประชากรนกกระเรียนพันธุ์ไทยในธรรมชาติ คืนความสมดุลให้กับระบบนิเวศน์ในพื้นที่ชุ่มน้ำดังกล่าวด้วย

สำหรับการจัดกิจกรรมการอนุรักษ์และปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยกลับคืนสู่ธรรมชาติครั้งนี้ ประกอบด้วย กิจกรรมเทิดพระเกียรติฯ การแสดงบนเวที พิธีมอบรางวัลผู้ชนะการประกวด ตั้งชื่อลูกนกกระเรียนพันธุ์ไทย และการปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทย อายุประมาณ 1 ปี จำนวน 12 ตัว ที่เพาะขยายพันธุ์ได้โดยองค์การสวนสัตว์นครราชสีมา คืนสู่ธรรมชาติ โดยมีหน่วยงานราชการในจังหวัดบุรีรัมย์ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบุรีรัมย์ กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ชุมชนและชาวบ้านในบริเวณพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ เข้าร่วมพิธีจำนวนมาก

นายสัตวแพทย์ ดร.บริพัตร ศิริอรุณรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์และวิจัย องค์การสวนสัตว์ กล่าวว่า นกกระเรียนพันธุ์ไทยได้ปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติครั้งแรกเมื่อปี 2554 และที่ผ่านมาได้ปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยไปแล้ว 60 ตัว ปัจจุบันประชากรนกกระเรียนที่ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติกว่า 40 ตัว ยังคงมีชีวิตอยู่รอดและดำรงชีพอยู่ในถิ่นอาศัยตามธรรมชาติ ทั้งยังมุ่งหวังเสริมสร้างให้ชุมชนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สัตว์ป่า ภายใต้สโลแกนที่ว่า “นกอยู่รอด คนอยู่ได้ ชุมชนมีสุข”

ทางองค์การสวนสัตว์จึงมีแผนที่จะดำเนินการปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยคืนสู่ธรรมชาติอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยให้ชุมชนท้องถิ่นได้เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อรณรงค์และสร้างความตระหนักทางด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่าแก่ภาคประชาชน พร้อมทั้งยังมีแผนส่งเสริมให้เกิดการทำเกษตรระบบอินทรีย์ เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับระบบนิเวศในอนาคตด้วย