ลำปาง/สุโขทัย - นายอำเภอฯ พร้อมทหาร เร่งตระเวนขอร้องชาวนาแจ้ห่มอย่ากักน้ำ-เลื่อนกำหนดลงมือทำนาออกไปก่อน หลังปริมาณน้ำเขื่อนกิ่วลม-กิ่วคอหมาลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ชาวไร่มันสำปะหลังสุโขทัยระทมหนัก บางรายต้องไถมันทิ้งแล้วปลูกใหม่กัน 2-3 รอบแล้ว ส่อสูญรายได้ไม่ต่ำกว่า 300-400 ล้านบาท
วันนี้ (16 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ภัยแล้งที่ ต.ตลิ่งชัน อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย นอกจากมีชาวบ้านใน 8 หมู่บ้านได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค มานานถึง 3 เดือน ทำให้ต้องซื้อน้ำบรรจุขวดไว้ดื่มกินกันทุกวันแล้ว ยังมีพื้นที่การเกษตรเสียหายอีกหลายหมื่นไร่ โดยเฉพาะไร่มันสำปะหลังที่เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของตำบล
นายประเทือง นาราสิริวิมล นายกเทศมนตรีตำบลตลิ่งชัน เปิดเผยว่า ภัยแล้งในปีนี้ถือว่าหนักที่สุด และกระทบต่อพื้นที่การเกษตรอย่างมาก โดยเฉพาะไร่มันสำปะหลัง พืชเศรษฐกิจสำคัญของ ต.ตลิ่งชัน ซึ่งมีการเพาะปลูกเกือบ 20,000 ไร่ และเจอภัยแล้งคุกคามอย่างหนักมาตั้งแต่ปี 57 จนถึงปัจจุบัน ทำให้ใบเหี่ยวเฉา ลำต้นแคระแกร็น หัวมันสำปะหลังเล็กลีบไม่สมบูรณ์
“มาถึงวันนี้เกษตรกรชาวไร่มันฯ ต้องไถทิ้งแล้วปลูกใหม่กัน 2-3 รอบ จนขาดทุนซ้ำซาก และทำให้ต้องสูญเสียรายได้จากผลผลิตมันสำปะหลังจำนวน 300-400 ล้านบาท จึงอยากวิงวอนรัฐบาลหรือหน่วยงานเกี่ยวข้องให้เข้ามาดูแลช่วยเหลือเกษตรกรที่เดือดร้อนครั้งนี้ด้วย”
ขณะที่สถานการณ์ภัยแล้งที่จังหวัดลำปางก็ยังคงลุกลามต่อเนื่อง ล่าสุดนายสันติ นฤมิตร นายอำเภอแจ้ห่ม จ.ลำปาง พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหารต้องเร่งออกทำความเข้าใจ และขอร้องชาวนาอย่ากักน้ำ พร้อมกับให้ชะลอการทำนาออกไปก่อน
เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง ซึ่งถือว่าเป็นเขื่อนใหญ่ ลดลงเหลือเพียง 56.057 ล้าน ลบ.ม. จากความจุสูงสุดอยู่ที่ 170 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 32% ขณะที่เขื่อนกิ่วลม ก็มีปริมาณน้ำลดลงเหลือเพียง 36.599 ลบ.ม. จากความจุสูงสุด 106 ลบ.ม. คิดเป็น 34.46%
โดยขณะนี้ทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา ได้บริหารจัดการส่งน้ำให้แก่เกษตรชาวนาในพื้นที่ และปล่อยน้ำลงแม่น้ำวังเพื่อรักษาระบบนิเวศวันละ 989,712 ลบ.ม. แต่ปริมาณน้ำที่ไหลเพิ่มเติมเข้าเขื่อนมีเพียงเล็กน้อย จึงหวั่นว่าหากยังไม่มีฝนตกลงมาสมทบในพื้นที่ก็อาจจะประสบปัญหาเข้าขั้นวิกฤตได้
